ผู้เขียน | ข้อความ | ||
---|---|---|---|
tiresbid
เขียนกระทู้: 135
ตอบกระทู้: 1
พลังน้ำใจ: 0
(ขอบคุณ)
|
สวัสดีครับ วันนี้ จอร์จ จะมาพูดกันถึง สองระบบเบรกยอดนิยมที่สุดเลยก็ว่าได้ หากจะพูดถึงความปลอดภัยขั้นแรกสุดของรถยนต์ เรียกได้ว่า ผู้ขับขี่จะรอดหรือร่วง ในสถานการณ์คับขันจะขาดเจ้าสิ่งนี้ไปไม่ได้ คือ ดรัมเบรก หรือ ดิสก์เบรก นั่นเอง สายแต่งรถ คงคุ้นเคยเป็นอย่างดีครับ แต่เพื่อนๆและคนทั่วไปรู้ก่อนดีกว่าแน่นอน เผื่อโอกาสได้ออกรถใหม่สักคันจะได้ไว้เป็นข้อมูลการตัดสินใจ จอร์จ ขอเกริ่นกันสักหน่อยจะได้เข้าใจร่วมกัน ในยุคแรกเริ่มต้นเดิมทีเริ่มจาก ชุดเบรคแบบดรัมเบรค (Drum Brake) ครับ ต่อมาหลายสิบปีด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมเจริญก้าวหน้าพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จึงถือกำเนิดระบบเบรก แบบดิสก์เบรค (Disc Brake) ขึ้นมาที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันคงไม่แปลกใช่ไหมละครับ เพื่อนๆอาจจะคุ้นหู ระบบดิสก์เบรก กันมากกว่าและได้รับความนิยมมากด้วย แต่ก็ใช่ว่าระบบเบรกแบบ Drum Brake จะหายไปจากโลกเลยซะทีเดียว เพราะว่าของเก่ามักมีคุณภาพดี หาก จอร์จ ประสิทธิภาพสูงมากเลยทีเดียวถึงแม้จะผ่านมาหลายปีแล้ว เลยทำให้ในรถยนต์บางรุ่นก็ยังคงต้องใช้ Drum Brake ให้เห็นกันอยู่ครับ แล้วที่ว่าดีประสิทธิภาพสูงมันต่างกันอย่างไรบ้าง จอร์จ จะพาเพื่อนๆ มาชมทั้งข้อดี และข้อเสียของระบบเบรกทั้งคู่พร้อมกันเลยครับ เริ่มแรกที่ระบบ Drum Brake (คนมีอายุแต่มากประสบการณ์) จอร์จ ขออธิบายให้เห็นภาพมากขึ้น ด้วยกระบวนกลไกการทำงานง่ายๆทีละส่วนดังนี้เลยครับ ระบบห้ามล้อ ชะลอความเร็วรถยนต์แบบแรกที่เกิดขึ้นมานั้น อาศัยหลักการของแรง “ผลัก” เพื่อสร้างแรงเฉี่อยให้กับล้อรถยนต์ ซึ่งการทำงานของมันนั้น ตัวดรัมที่ยึดติดอยู่กับล้อ ภายในจะมีส่วนประกอบต่างๆ ที่ช่วยในการสร้างแรงเฉี่อย ไม่ว่าจะเป็น ฝักเบรกที่ประกอบด้วยผ้าเบรก สปริง และลูกสูบ โดยที่ถูกต่อเข้ากับสายเบรก เมื่อมีการกดแป้นกลไก น้ำมันเบรก จะถูกแรงผลักลูกสูบไปดันฝักเบรกออก เสียดสีกับขอบดรัมที่หมุนไปพร้อมล้อ เพื่อสร้างแรงเฉี่อยให้กับรถครับ ข้อดี - หยุดรถด้วยพละกำลังที่สูง เหมาะอย่างยิ่งกับรถที่มีน้ำหนักมาก - ออกแรงกดน้อย - ต้องการการดูแลรักษาต่ำ เนื่องจากเป็นระบบปิดที่ค่อนข้างมิดชิด ข้อเสีย - การบำรุงรักษายาก ต้องทำโดยช่างผู้ชำนาญเท่านั้น - ความร้อนสะสมสูง - การระบายน้ำทำได้ไม่ดี - การตอบสนองค่อนข้างช้า ทำให้ขาดความแม่นยำ Disc Brake ในวงการรถยนต์ที่ยังคงพัฒนาระบบ Disc Brake อย่างต่อเนื่องครับ แม้ว่าจะเกิดขึ้นมาภายหลังระบบ ดรัม อยู่หลายปี แต่ว่าประสิทธิภาพของมันนั้น เรียกได้ว่าเกือบที่จะมาทดแทนระบบดรัมได้เลยทีเดียว ซึ่งการทำงานของระบบดิส จะเน้นไปที่การ " บีบ " ไปที่จานเบรคที่ยึดติดกับล้อ บีบโดยลูกสูบเบรก หรือคาลิเปอร์ ครอบเข้าไปที่จานเบรคฝั่งใดฝั่งหนึ่ง โดยส่วนของคาลิเปอร์จะไม่หมุนไปตามล้อแต่จะถูกเชื่อมต่อสายเบรกเข้าไปที่ลูกสูบ เมื่อมีการใช้งานลูกสูบจะดันผ้าเบรกภายในให้ " บีบ " กับจานเบรคทำให้เกิดแรงเสียดทานนั่นเองครับ เพื่อนๆคงคุ้นแบรนด์เจ้าใหญ่อย่าง เบรก Brembo ใช้ระบบเดียวกันครับ ข้อดี - การบำรุงรักษาง่าย สามารถทำความสะอาด และตรวจเช็คสภาพได้เอง - ระบายความร้อนได้เร็ว - ระบายน้ำได้ดี - ตอบสนองทันที มีความแม่นยำสูง - แต่งเพิ่มความสวยงามได้ ข้อเสีย - ค่าบำรุงรักษาค่อนข้างแพง - พละกำลังในการเบรค ด้อยกว่าดรัมเล็กน้อย - ผ้าเบรคหมดเร็ว สำหรับระบบเบรกทั้ง 2 รูปแบบ หาก จอร์จ จะถึงภาพรวมแล้ว ดูเหมือนว่าระบบเบรก แบบดิสเบรก จะเป็นที่ได้เปรียบอยู่ไม่น้อย ดูจากรูปทรงที่สวยงาม รวมไปถึงประสิทธิภาพที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าระบบดรัมเลย ทำให้ดิสก์เบรกกลายมาเป็นระบบเบรกยอดนิยมในปัจจุบันไปแล้วนั่นเองครับ ส่วนการใช้งานแตกต่างกันดังนั้นคงแบ่งแยกประเภทกันได้อย่างชัดเจน สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจอยากจะอัพเกรดระบบเบรก จอร์จ แนะนำว่าเป็นอะไรที่น่าลงทุนไม่น้อยครับ เพราะได้ทั้งประสิทธิภาพที่เพิ่มเข้ามา รวมไปถึงความสวยงาม ที่ดรัมเบรคไม่สามารถให้ได้ ส่วนจะอัพเกรดเป็นแบบใด ติดตามความรู้เรื่องรถเกี่ยวกับดิสค์เบรคในบทความครั้งถัดไป 4 จานเบรกรถยนต์ดีที่สุด แบบไหนน่าซื้อติดรถของคุณ !! เพื่อนๆท่านใดอยากสอบถามและใช้บริการ เปลี่ยนยางถึงบ้าน หรือ บริการอื่นๆเพิ่มเติม ติดต่อมาได้เลย Line@ : @tiresbid จอร์จและทีมงานพร้อมให้คำแนะนำครับ หากไม่สะดวกพิมพ์อยากคุยกันมากกว่า โทรมาเลย : 080-589-4711 (คุณคิม) คุยง่าย แนะนำดี ไม่ผิดหวัง หากต้องการตรวจเช็คสภาพรถยนต์ ฟรี ! (โปรโมชัน : เมื่อเปลี่ยนยางครบ 4 เส้น) สนใจแจ้งเข้ามาได้เลยครับ ขอบคุณครับ กระทู้อื่นๆที่เกี่ยวข้อง
|
||