แชร์กิจกรรมเส้นทางสายบุญ ไหว้พระ 9 วัด ภายในหนึ่งวัน

แชร์กิจกรรมเส้นทางสายบุญ ไหว้พระ 9 วัด ภายในหนึ่งวัน

เคยได้ยินไหม ที่ชอบมีคนพูดว่าอยากทำบุญแต่ไม่ยอมออกไปทำบุญ หรือใช้เหตุผลอ้างว่าไม่มีเวลา หากเป็นเช่นนี้คิดว่าจะสร้างบุญได้ไหม หรือ จะ ไหว้พระวัดไหนดี ถ้าพิจารณาและมองให้ดี ๆ จะพบว่าในเมืองกรุงยังมีสถานที่อย่างวัดวาอาราม หรือโบราณสถานหลายแห่งที่รอให้ผู้คนไปเชยชม เช่นนั้นแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับการจัดทริป ไหว้พระ 9 วัด ดี ๆ สักทริป หรือถ้าไม่รู้ว่าทริป 9 วัด ควรไปที่ไหนและทำอะไรบ้าง ลองเดินทางเส้นทางไหว้พระซึ่งเป็น วัดในกรุงเทพ ดังนี้

 วัดที่ 1 วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร จุดเริ่มต้น ไหว้พระ 9 วัด

 ให้วัดย่านฝั่งธนอย่างวัดกัลยาณมิตรฯ เป็นจุดสตาร์ทแรกของทริป ไหว้พระ 9 วัด โดยเริ่มในช่วงประมาณ 08.00 นาฬิกา ไหว้องค์หลวงพ่อโต (ซำปอกง) ที่ประดิษฐานอยู่ภายในพระอุโบสถ เพื่อเอาฤกษ์เอาชัยให้พบเจอแต่มิตรที่ดีตลอดทริปการเดินทางในครั้งนี้

 วัดที่ 2 วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร วัดในกรุงเทพ ที่เดินทางสะดวก ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

 ต่อด้วยวัดที่ 2 ที่อยู่ห่างจากวัดกัลยาณมิตรฯ เพียง 10-15 นาที ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งพระปรางค์ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เรียกกันว่า วัดอรุณ หรืออีกชื่อสั้น ๆ ก็คือวัดแจ้งนั่นเอง นอกจากพระปรางค์ที่เป็นสถาปัตยกรรมสูงเด่นแล้วยังมีรูปปั้นยักษ์ที่ถือเป็นจุดเช็คอินที่ใครไปใครมาก็ต้องแวะมาถ่ายรูปคู่ด้วย

 วัดที่ 3 วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร

 เสร็จจากวัดแจ้งให้นั่งรถเมล์หรือรถตุ๊ก ๆ เล็ก ไปยังวัดระฆังที่อยู่ไม่ไกลกันมากนัก ซึ่งถือเป็น วัดในกรุงเทพ ย่านฝั่งธนอีกแห่งที่สายบุญต้องไม่พลาด เพราะมีความเชื่อกันว่า ใครที่มาไหว้พระและมีโอกาสได้ตีระฆังที่วัดแห่งนี้ จะทำให้เป็นที่ชื่นชอบของคนอื่นและมีชื่อเสียงที่โด่งดัง ใครมาแล้วห้ามพลาดกิจกรรมตีระฆังนี้อย่างเด็ดขาด

 วัดที่ 4 วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร

 เมื่อตีระฆังก้องกังวานแล้ว ให้นั่งเรือข้ามฟากมาลงที่ท่าเตียนเพื่อเริ่มทริป ไหว้พระ 9 วัด ในฝั่งพระนครกันต่อ ตั้งต้นจากวัดพระเชตุพนฯ หรือวัดโพธิ์ ที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์หรือพระนอน องค์ใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ แถมยังมีจุดเด่นตรงที่วัดแห่งนี้ คือสถานที่ศึกษาสรรพวิชาการนวดแขนงต่าง ๆ และแอบกระซิบเพิ่มว่า วัดนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่คนโสดมักจะมาขอพรเรื่องความรักอีกด้วย

 วัดที่ 5 วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

 หลังจากได้นวดยืดเส้นยืดสายแล้ว ให้ออกกำลังกายด้วยการเดินจากวัดโพธิ์ไปวัดพระแก้วใช้เวลาประมาณ 10 นาที ที่ซึ่งถือเป็นวัดอันดับต้น ๆ ที่ต้องมากราบสักการะเป็นอย่างยิ่ง ตั้งอยู่ในบริเวณส่วนหนึ่งของพระบรมมหาราชวัง ทั้งยังเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองอีกด้วย

 วัดที่ 6 วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร

 เดินสายไหว้พระกันมาทั้งวันแล้ว ก็คงจะเริ่มออกอาการเหนื่อยล้าให้นั่งรถเมล์หรือรถตุ๊ก ๆ ไปยังวัดชนะสงครามฯ สถานที่ที่มีความเชื่อว่า หากมากราบไหว้ขอพรหรือต้องการชัยชนะเรื่องใด ก็จะให้ประสบความสำเร็จและสามารถเอาชนะต่ออุปสรรคทั้งปวงได้ ก็ลองขอพรให้เอาชนะความเหนื่อยล้าเพื่อจะได้มีแรงในการเดินสายบุญกันต่อไป

 วัดที่ 7 วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร

 เมื่อเริ่มหายเหนื่อยแล้วให้เดินจากวัดชนะสงครามฯ ประมาณ 15 นาที มากราบสักการะพระพุทธชินสีห์ และพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช (รัชกาลที่ 9) ที่ประดิษฐานอยู่ ณ ที่แห่งนี้ เพื่อความเป็นสิริมงคลแห่งชีวิต

 วัดที่ 8 วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร

 เสร็จจากวัดบวรฯ ให้นั่งรถมาอีกประมาณ 15-20 นาที ก็จะพบกับวัดสุทัศนฯ ที่น่าจะเคยได้ยินตำนานเรื่องเปรตเรื่องแร้งกันมาบ้าง แต่มา วัดในกรุงเทพ แห่งนี้ให้มากราบไหว้ขอพรเกี่ยวกับการศึกษา เขาว่ากันว่าจะประสบความสำเร็จ แถมด้วยแลนด์มาร์คของวัดแห่งนี้ที่อยู่ตรงเสาชิงช้าหน้าวัด ที่ห้ามพลาดไปเก็บรูปอย่างเด็ดขาด

 วัดที่ 9 วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร

 ปิดทริปวัดสุดท้ายด้วยวัดบนที่สูง อย่างวัดสระเกศ หรือสั้น ๆ คือภูเขาทอง อันเป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 ซึ่งเป็นที่ตั้งองค์พระธาตุสีทอง แต่จุดเด่นอยู่ตรงช่วงเวลาเย็น ๆ จนพลบค่ำ เพราะจะได้ชมวิวทั่วกรุงเทพฯ แบบพาโนรามารอบทิศทางเลยก็ว่าได้

เห็นหรือยังว่า เส้นทางสายบุญทั้ง 9 แห่ง เป็น วัดในกรุงเทพ ที่เป็นเส้นทางเชื่อมต่อถึงกันได้โดยง่ายทั้งสิ้น หากใครอยากออกไปลองสัมผัสกับความสวยงามและอิ่มบุญ แต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่ม ไหว้พระวัดไหนดี ก็ลองนำทริปทั้ง 9 วัดข้างต้นไปเป็นไกด์นำทางก็ไม่เลวเลยทีเดียว