รถยนต์ไฟฟ้าอาจมี 550 ล้านคันในปี 2040

ผู้เขียนข้อความ

tamagotjigo

member
เขียนกระทู้: 14
ตอบกระทู้: 0
พลังน้ำใจ: 0 (ขอบคุณ)
31 สิงหาคม 2562 13:44 - อ่าน: 6,262 - ตอบ: 0

เมื่อทั่วโลกหันมาพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า จนตอนนี้มีรถยนต์ไฟฟ้าที่สามารถใช้ถนนได้จริง ราคาหลักล้านบาทก็เริ่มมีให้เห็น และอุตสาหกรรมนี้มีแนวโน้มขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ แต่จะทำให้ธุรกิจพลังงานและรถยนต์น้ำมันซบเซาหรือไม่?

 

สถานีชาร์จไฟที่ต้องมีให้มาก และชาร์จให้เร็ว

รถยนต์ไฟฟ้าจะถูกลง ทำให้โตไวขึ้นคาดปี 2040 อาจมี 150-550 ล้านคันทั่วโลก

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) บอกว่า ปัจจุบันมีจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าราว 5 ล้านคันทั่วโลกมีสัดส่วน 0.4% จากรถยนต์ทั่วโลก โดยสิ้นปี 2018 มีอยู่ 2 ล้านคัน ซึ่งประเทศที่มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าสูงที่สุดคือ จีนครองสัดส่วน 55% รองลงมาสหรัฐฯ มีสัดส่วน 18% ของยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก

ทั้งนี้สาเหตุที่รถยนต์ไฟฟ้าจะเติบโตอย่างรวดเร็วเพราะ ราคามีแนวโน้มถูกลงจากหลายปัจจัย ได้แก่ 1) ราคาแบตเตอรี่ที่ถูกลง 2) รถยนต์ไฟฟ้ามีสมรรถนะแข่งขันกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง (รถยนต์สันดาปภายในหรือ ICE) 3) นโยบายส่งเสริมของภาครัฐ 4) กระแสรักษ์โลกที่ต้องการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน และ 5) การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องมีมากขึ้น เช่น สถานีชาร์จไฟฟ้าและระยะเวลาในการชาร์จไฟ

 

นอกจากนี้มีหลายประเทศหันมาออกนโยบายทยอยลดการขับขี่รถยนต์น้ำมัน เช่น ฝรั่งเศส ไต้หวัน แคนาดา วางแผนยกเลิกการใช้รถยนต์ที่ใช้น้ำมันภายในปี 2040 ทำให้รถยนต์ที่ใช้น้ำมันจะชะลอตัว ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าเริ่มครองตลาดมากขึ้น จนหลายหน่วยงานคาดว่าจำนวนรถยนต์ไฟฟ้าจะเติบโต 17-26% ต่อปี และปี 2040 คาดว่าจมีรถยนต์ไฟฟ้ารวมทั้งโลกราว 150-550 ล้านคัน คิดสัดส่วนเป็น 31%-55% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด

ในไทยมีรถยนต์ไฟฟ้าเฉพาะรถยนต์นั่งส่วนบุคคลประมาณ 120,000 คัน คิดเป็นสัดส่วนเพียง 1.2% ของจำนวนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลทั้งหมดทั่วประเทศ ซึ่งรัฐบาลสนับสนุนธุรกิจในหลายด้าน ทั้งยกเว้นภาษีเงินได้ สนับสนุนการลงทุน ฯลฯ ทำให้ปี 2036 คาดว่ามีรถยนต์ไฟฟ้าราว 1.2 ล้านคัน มีมีสถานีชาร์จไฟฟ้า 690 สถานีทั่วประเทศ 

 

บริษัทยักษ์ใหญ่ในไทยปรับตัวอย่างไร?

บริษัทน้ำมันและปิโตรเคมีของไทย และบริษัทขนาดใหญ่วางกลยุทธ์ขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ เช่น การตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าและธุรกิจที่เกี่ยวกับแบตเตอรี่ ได้แก่

บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีกักเก็บพลังงานแบบแบตเตอรี่และไฮโดรเจน สร้างโรงงานแบตเตอรี่ต้นแบบที่สถาบันวิทยสิริเมธี จ.ระยอง ผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน และแบตเตอรี่ลิเธียมซัลเฟอร์ ที่สามารถประจุไฟฟ้าได้มากกว่าปกติ 3 เท่า

โดยมีบริษัทในเครือ ได้แก่ ไทยออยล์, พีทีที โกลบอล เคมิคอล และไออาร์พีซี มีแผนขอซื้อ License ในการผลิตแบตเตอรี่ดังกล่าว โดยจะตั้งโรงงานผลิตในพื้นที่เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EECi)

นอกจากนี้ ปตท. เปิดให้บริการสถานีชาร์จไฟฟ้า (PTT EV Station) แล้ว 14 แห่ง และได้ต่อยอดพัฒนาเครื่องชาร์จไฟฟ้าแบบติดผนัง (EV Wall Charger) เพื่อจำหน่ายให้ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้ารายย่อย อีกทั้งยังได้ลงนามความร่วมมือกับ 6 บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าร่วมกัน

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ บางจาก ลงทุนทำเหมืองลิเธียมที่อาร์เจนตินา คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในเดือนเม.ย.–พ.ค. 2020 เมื่อเดือนม.ค. 2019 บางจากลงทุนในสตาร์ตอัพชื่อ เอนเนเวท ของสหรัฐฯ ซึ่งเชี่ยวชาญเทคโนโลยีการผลิตลิเธียมแบตเตอรี่สำหรับใช้ในรถยนต์ไฟฟ้า สามารถรองรับการชาร์จพลังงานได้รวดเร็วขึ้น 10 เท่า

ทั้งนี้บางจากจะต่อยอดเทคโนโลยีมาทำเป็นสถานีชาร์จไฟฟ้าแบบ quick charge ให้เร็วเทียบเท่าการเติมน้ำมัน อีกทั้งมีแผนการลงทุนร่วมกับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าในปั๊มบางจาก ทุก ๆ 100 กิโลเมตร ตามถนนสายหลักรวม 62 สถานี ภายในปี 2021

นอกจากนี้มี คาลเท็กซ์ ซัสโก้ ติดตั้งจุดบริการชาร์จไฟฟ้าภายในปั๊มของตนเองบางแห่ง ภายใต้เครื่องหมายการค้า EA Anywhere ของบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ เพื่อเพิ่มทางเลือกด้านพลังงานให้กับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศ

ขณะที่ธุรกิจอื่นหันมาพัฒนาด้านรถยนต์ไฟฟ้า เช่น ซีพี ออลล์ ติดตั้งเครื่องชาร์จสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าหน้าร้านเซเว่น อีเลฟเว่น 21 สาขา ห้างโรบินสัน TCC Group ศูนย์บริการรถยนต์ A.C.T. และ Cockpit ที่ติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าในพื้นที่เพื่อขยายการบริการให้แก่ลูกค้า

 

https://brandinside.asia/ev-electric-car-2019-oil-power-industry/


ตอบกระทู้ด่วน

กรุณาล็อคอินก่อนทำการตอบกระทู้นี้
สมัครสมาชิก หรือ ล็อคอิน