ผู้เขียน | ข้อความ | ||
---|---|---|---|
smanpruksa
เขียนกระทู้: 82
ตอบกระทู้: 0
พลังน้ำใจ: 0
(ขอบคุณ)
|
เมื่อก้าวเข้าสู่เดือนเมษายนที่สภาพอากาศร้อนระอุ หลายคนเลือกวิธีคลายร้อนด้วยการออกเดินทางไปเที่ยวคลายร้อนทั้งแบบภูเขาและทะเล ทำให้การขับรถท่ามกลางอุณหภูมิกว่า 40 องศาเป็นเรื่องที่ทรมานสำหรับหลายคน จนต้องเร่งเครื่องปรับอากาศให้ทำงานหนักขึ้น และนอกจากเครื่องปรับอากาศในรถยนต์ต้องทำงานหนักแล้ว การขับรถท่ากลางอากาศร้อน ยังจำเป็นจะต้องดูแลรถยนต์มากขึ้นเป็นกรณีพิเศษด้วยเช่นกัน จะมีเทคนิคในการขับรถหน้าร้อนอย่างไรให้ปลอดภัย มีข้อมูลมาฝาก 1. ยางรถยนต์ หากเปรียบแสงแดดเป็นเชื้อเพลิง ผิวถนนก็ไม่ต่างกับกระทะที่ร้อนระอุ แต่พื้นถนนที่สะสมความร้อนจนร้อนจัดนั้น ไม่ได้มีผลอะไรกับยางรถยนต์จนทำให้ระเบิดได้ เพราะขณะที่รถกำลังวิ่ง แรงลมจะเข้าปะทะกับล้อรถที่หมุน จึงช่วยลดอุณหภูมิลงแม้ยางจะสัมผัสกับถนนโดยตรงก็ตาม แต่เมื่อใดที่ผู้ขับขี่ขับรถด้วยความเร็วเกินพิกัดยางที่กำหนดไว้ หรือสูบลมยางมาก-น้อยจนเกินไป อาจมีผลให้ยางรถยนต์เสียหาย เมื่อขับไปนาน ๆ อาจยางแตกในที่สุดได้เช่นกัน ผู้ขับขี่จึงควรตรวจสอบลมยาง และสภาพยางรถยนต์ก่อนขับขี่ ไม่ควรปล่อยให้ยางหมดอายุการใช้งาน หรือใช้ยางเก่าที่มีความเสียหาย เช่น แก้มยางมีรอยแตกลายงา บวม ฉีกขาด ดอกยางหมดสภาพ เป็นต้น รวมถึงขับขี่ด้วยอัตราความเร็วที่ไม่เกินกำหนด บรรทุกของด้วยน้ำหนักที่เหมาะสม หรือหากเปลี่ยนยางใหม่ ก็ไม่ควรสวมจุ๊บเติมลมอันเก่าเพื่อความปลอดภัยนั่นเอง 2. ภาพลวงตา แสงแดดเป็นตัวการทำให้เกิดภาพลวงตาที่เรียกว่ามิราจ (Mirage) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดจากการหักเหของแสง จากอากาศที่ร้อนจัด ทำให้ผิวถนนรวมถึงชั้นอากาศที่อยู่เหนือผิวถนนร้อนตามจนเกิดเป็นชั้นอากาศร้อน และชั้นอากาศเย็นที่แบ่งตัวกัน เมื่อแสงแดดเดินทางผ่านจึงเกิดการหักเห ผู้ขับขี่จึงเห็นภาพสะท้อนบนผิวถนน โดยส่วนหนึ่งสะท้อนภาพวัตถุข้างหน้าตามปกติ อีกส่วนหนึ่งเกิดการโค้งและสะท้อนภาพเดิมซ้ำจนเห็นเป็นภาพคล้ายบ่อน้ำ อาจทำให้ผู้ขับขี่เกิดความสับสน ต้องใช้สายตามากกว่าปกติ มีอาการตาพร่า ตาล้า แสบตา และเหนื่อยล้าในขณะขับรถนาน ๆ ได้ ผู้ขับขี่ไม่ควรโฟกัสที่ถนนเพียงจุดใดจุดหนึ่งจนเกินไป แต่ให้พยายามเปลี่ยนมุมมองสายตาไปทิศทางอื่น ๆ โดยการมองให้รอบด้านมากขึ้น เพื่อเปลี่ยนโฟกัสของดวงตา หรือจะหาตัวช่วยมาบังแสงแดดที่แยงตา เช่น แว่นกันแดด ม่านกันแดด หรือติดฟิล์มกรองแสง จะช่วยลดแสงรบกวนไม่ให้บดบังทัศนียภาพในการขับขี่ 3. สภาพร่างกายผู้ขับขี่ เมื่ออากาศร้อนจัดจะส่งผลต่อสุขภาพผู้ขับขี่ อาจเกิดอุบัติเหตุจนถึงขั้นเสียชีวิต เนื่องจากอากาศที่ร้อนจัด การจราจรที่ติดขัด มลภาวะต่าง ๆ รวมถึงสุขภาพของผู้ขับขี่ที่เกิดความเครียดสะสม เป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้ขับขี่มีอาการวูบ หรือหมดสติร่วมด้วย โดยสาเหตุของการวูบเกิดได้หลายปัจจัย เช่น เป็นลม เพราะเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ การวิงเวียน เพราะมีปัญหาระบบการทรงตัวที่เกิดความผิดปกติของระบบประสาท อาการชักเนื่องจากความผิดปกติชั่วคราวของกระแสไฟฟ้าในสมอง รวมไปถึงความรู้สึกหวิว ๆ ใจสั่น ที่เกิดจากหัวใจเต้นผิดจังหวะทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองลดลงชั่วคราว เป็นต้น ร่างกายไม่แข็งแรงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุขณะขับขี่ได้ โดยเฉพาะการนอนหลับ ผู้ขับขี่ควรพักผ่อนให้เพียงพอก่อนขับรถทางไกล ทำจิตใจให้ผ่อนคลายจากความตึงเครียด ดื่มน้ำมาก ๆ สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว แนะนำให้หมั่นตรวจสุขภาพเสมอ และหากผู้ขับขี่มีอาการผิดปกติทางร่างกายขณะขับรถ ควรจอดรถทันที เพราะอาจเสี่ยงหมดสติระหว่างทางได้ จากนั้น ปรับที่นั่งให้อยู่ในท่านอนราบ สังเกตอาการ หากไม่ดีขึ้นให้โทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน เพื่อความปลอดภัยทั้งผู้ขับขี่ และเพื่อนร่วมทาง 4. เครื่องยนต์ร้อนจัด ขณะขับขี่รถยนต์ในสภาพอากาศร้อนจัด อาจส่งผลให้รถยนต์ทำงานหนัก และเครื่องยนต์เกิดความร้อนสูง ซึ่งสาเหตุที่มักพบเจอได้บ่อย มาจากหม้อน้ำแห้ง โดยผู้ขับขี่สามารถสังเกตได้จากเกจวัดความร้อน หรือสังเกตจากอุณหภูมิภายในห้องโดยสารที่ร้อนผิดปกติ แอร์เริ่มไม่ค่อยเย็น หรือไฟเตือนที่มาตรวัดว่ามีสัญลักษณ์เตือนเกี่ยวกับอุณหภูมิหรือไม่ หากร้อนจนผิดปกติ ผู้ขับขี่ไม่ควรฝืนขับรถต่อ เพราะอาจทำให้เครื่องยนต์ร้อนจนถึงขั้นโอเวอร์ฮีต และเป็นอันตรายได้ ผู้ขับขี่ควรรีบปิดแอร์เพื่อลดการทำงานของเครื่องยนต์ จากนั้นค่อย ๆ นำรถเข้าจอดข้างทาง และรีบเปิดฝากระโปรงรถเพื่อระบายความร้อนออกจากห้องเครื่อง ที่สำคัญห้ามเปิดฝาหม้อน้ำในขณะที่เครื่องยนต์ร้อนจัด เพราะไอน้ำร้อนที่มีแรงดันสูงในหม้อน้ำอาจพุ่งขึ้นมาทำให้คุณบาดเจ็บได้ ควรรอให้เครื่องยนต์เริ่มเย็นตัวเสียก่อนจึงเปิดฝาหม้อน้ำ แล้วค่อย ๆ เติมน้ำสะอาดลงไปทีละน้อย เมื่อความร้อนลดลงอยู่ในระดับปกติแล้ว จึงสามารถขับไปที่อู่ หรือศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็กต่อไปได้ การตรวจสอบสภาพรถยนต์ให้พร้อมใช้งานและดูแลรักษาสุขภาพของผู้ขับขี่ให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ เป็นสิ่งที่ผู้ขับขี่รถยนต์ทุกคนควรให้ความสำคัญ ในภาวะที่ต้องรัดเข็มขัดกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ ประกันรถยนต์ตามเวลา 1-3+ ช่วยให้คุณจ่ายประกันรถยนต์ได้สบายด้วยเบี้ยเบา ๆ บรรเทาภาระในยามวิกฤต กับ ประกันรถยนต์ตามเวลา เลือกได้ตามใจ ให้ความคุ้มครอง 3, 6, 12 เดือน ช่วยให้คุณอุ่นใจได้ทุกครั้งที่ออกเดินทาง สามารถแบ่งซื้อครั้งละ 3 หรือ 6 เดือนได้ ไม่ต้องจ่ายเป็นเงินก้อน เมื่อครบกำหนด คลิกเลือกต่อประกันและชำระเงินออนไลน์ รับกรมธรรม์อิเล็กทรอนิกส์ได้ทันที ไม่ต้องกังวลว่า จะลืมต่ออายุกรมธรรม์ประกันภัย บริษัทฯ จะแจ้งเตือนการต่อประกันผ่าน SMS และโทรศัพท์จากพนักงาน ก่อนประกันหมดอายุ สนใจรายละเอียด คลิก www.smk.co.th/productmotordetail/1024 หรือ โทร. 1596 ตลอด 24 ชั่วโมง Line : smkinsurance และสามารถติดตามเนื้อหาสาระดีๆ เพิ่มเติมได้ที่ https://smkinsurance.blogspot.com กระทู้อื่นๆที่เกี่ยวข้อง
|
||