7 ปัญหาโอเวอร์ฮีท อันตรายไม่ควรมองข้าม By Tiresbid

ผู้เขียนข้อความ

tiresbid

member
เขียนกระทู้: 135
ตอบกระทู้: 1
พลังน้ำใจ: 0 (ขอบคุณ)
5 เมษายน 2561 10:44 - อ่าน: 908 - ตอบ: 0

สวัสดีครับ เพื่อนๆและผู้ติดตามบทความดีๆกับ จอร์จ ไทร์บิด ทุกท่าน สภาพอากาศเมืองไทยเรียกว่า ร้อนมากๆ จอร์จ เริ่มไม่แน่ใจว่ามีแค่ฤดูเดียวแล้วหรือป่าว แต่อย่าพึ่งหัวร้อนกันไปนะครับ ดังนั้นวันนี้เราเลยจะพูด ความร้อนสูง ผลอย่างไรกับรถยนต์ของเรากันดีกว่า เครื่องยนต์มี

ความร้อนสูง หรือโอเวอร์ฮีท (Over Heat) เพื่อนๆคงได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้าง หรือ

ความเชื่อต่อกันมาว่า รถเก่า เท่านั้นหละที่จะเกิดอาการผิดปกติ รถใหม่ๆไมมีทางหรอก

จอร์จ บอกเลยว่าผิดนะครับ โอกาสเกิดได้เช่นกัน หากเราไม่ได้ตรวจเช็ก หรือดูแลรักษารถยนต์ของให้สภาพพร้อมอยู่เสมอ หากเครื่องยนต์มีความร้อนสูงมากๆ ด้วยสภาพอากาศแบบนี้

มันจะเกิดการสะสมและสร้างผลกระทบที่เป็นอันตรายอย่างมากเลยครับ ทำให้ชิ้นส่วนต่างๆในห้องเครื่องเสียหายตามไปด้วย

 

แต่เพื่อนๆสามารถสังเกตอุณหภูมิของเครื่องยนต์ได้นะครับจากหน้าปัดเรือนไมล์นั่นเอง

ที่มาตรวัดความร้อนเครื่องยนต์ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 2 แบบด้วยกัน รถยนต์ทุกคันจำเป็นต้องมี

1. แบบเข็ม เห็นได้ในรถรุ่นเก่า โดยปกติตัวเข็มจะอยู่กึ่งกลาง หรืออาจเลยกึ่งกลางขึ้นไปนิดหน่อย ยังพอรับได้ครับอากาศร้อนของเมืองไทยคงไม่แปลกนัก แต่ถ้าเมื่อใดที่มันขึ้นไปแตะขีดสีแดง หรือขึ้นไปสูงสุดให้รีบหาที่จอดรถ และดับเครื่องทันที เพราะมันเกิดสิ่งผิดปกติขึ้นแล้ว

อย่าประมาทเด็ดขาดเลยครับ

2. ไฟแจ้งเตือนที่หน้าปัด มักจะติดมาจากโรงงานอยู่ในรถรุ่นใหม่ หากเวลาปกติให้สังเกตที่สีไฟเตือน เพราะส่วนใหญ่มักจะเป็น สีเขียว สีฟ้า ฯลฯ (ศึกษาเพิ่มเติมที่คู่มือรถรุ่นนั้นๆ) แต่ถ้ามันเปลี่ยนเป็นสีแดงโชว์ขึ้นมาเมื่อไหร่ แสดงว่าเครื่องยนต์มีปัญหาแล้วครับ ให้ดับเครื่องทันทีเช่นกัน

เพื่อนๆสงสัยว่าเรามาเกิดมาจากสาเหตุใดได้บ้าง แต่เราก็ไม่มีความรู้เรื่องรถยนต์แบบช่าง

พอจะแนะนำจุดสังเกตหรือสิ่งต้องตรวจเช็คหน่อยได้ไหม ได้เลยครับ จอร์จ รวบรวมสาเหตุที่

ทำให้เครื่องยนต์มีความร้อนสูง หรือโอเวอร์ฮีท (Over Heat) เวลาไปตรวจสภาพรถ อย่าลืมแจ้งช่างผู้ดูแลรถยนต์นะครับ

1. หม้อน้ำเกิดการรั่วซึมในระบบหล่อเย็น

2. พัดลมระบายความร้อนทำงานผิดปกติ หรือไม่ทำงาน

3. ปิดฝาหม้อน้ำไม่สนิท หรือฝาอาจเสื่อมสภาพ

4. ปั๊มน้ำชำรุด หรือพัง

5. รังผึ้งหม้อน้ำสกปรก อุดตัน

6. สายพานปั๊มน้ำขาด

7. วาล์วน้ำไม่ทำงาน ไม่เปิด หรือท่อทางเดินน้ำชำรุด บี้แบน อุดตัน

หากเกิดอาการตามที่กล่าวมานี้ ให้รีบนำรถเข้าอู่ หรือศูนย์บริการทันที เพื่อแก้ไข หรือซ่อมแซม

โดยเร็วครับ เพราะหากปล่อยไว้มันอาจลุกลามไปส่วนอื่นๆ อย่าใดอย่าหนึ่งใน 7 ข้อนี้ ควรรีบแก้ไขครับ เพราะเรื่องรถยนต์เรื่องเราค่าใช้จ่ายการดูแลรักษาด้วยความจำเป็นจริงๆ และสุดท้ายนี้

สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ การตรวจเช็ก และการบำรุงรักษาตามระยะที่กำหนด รถยนต์รุ่นใหม่ๆ

ทางศูนย์จำหน่ายรถยนต์มักจะ มอบสมุดเช็กระยะมาให้ด้วย ดังนั้นหากถึงเวลาตรวจเช็ค

เพื่อนๆอย่าละเลยนะครับ จอร์จ เป็นห่วงความปลอดภัยทุกท่าน นอกจากนี้หากเพื่อนๆไม่มีเวลาค้นหาร้านตรวจเช็คสภาพ หรือ รถหมดประกันแล้วจะไปเช็คศูนย์บริการกลัวจะราคาสูง

ติดต่อจอร์จมาได้เลยครับ Line@ : @tiresbid จอร์จและทีมงานช่วยแนะนำจุดบริการใกล้บ้านท่าน รับรองว่าครบถ้วน และ ได้ราคาพิเศษ บริการหลังการขายดีเยี่ยม หายห่วงเลยครับ และ หากต้องการตรวจเช็คสภาพรถยนต์ ฟรี ! (โปรโมชัน : เมื่อเปลี่ยนยางครบ 4 เส้น)

โทรมาเลย : 080-589-4711 (คุณคิม) คุยง่าย แนะนำดี ไม่ผิดหวัง หากต้องการตรวจเช็คสภาพรถยนต์ ฟรี ! (โปรโมชัน : เมื่อเปลี่ยนยางครบ 4 เส้น) สนใจแจ้งเข้ามาได้เลยครับ ขอบคุณครับ

แก้ไขล่าสุดโดย tiresbid เมื่อ 18 เมษายน 2561 - 13:11

กระทู้อื่นๆที่เกี่ยวข้อง


ตอบกระทู้ด่วน

กรุณาล็อคอินก่อนทำการตอบกระทู้นี้
สมัครสมาชิก หรือ ล็อคอิน