แค่เปลี่ยนยาง ชีวิตก็เปลี่ยน

ผู้เขียนข้อความ

meinmymarch

member
เขียนกระทู้: 1
ตอบกระทู้: 0
พลังน้ำใจ: 0 (ขอบคุณ)
9 ธันวาคม 2563 17:24 - อ่าน: 1,952 - ตอบ: 0

อยากขอแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวที่เพิ่งพบมาเลยครับ เกี่ยวกับการเปลี่ยนยาง ที่ไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่าจะทำให้คุณภาพการควบคุมรถแตกต่างไปได้ขนาดนี้

 

ตอนนี้ผมขับนิสสันมาร์ชของพี่ชาย ซื้อมาตั้งแต่ตอนมีโครงการรถคันแรกของรัฐบาลเมื่อนานมาแล้ว ตอนนี้วิ่งมาได้ประมาณแสนกิโลแล้ว ซึ่งผมไม่เคยขับมันมาก่อนเลยจนกระทั่งเมื่อสี่ห้าเดือนที่แล้ว ส่วนตัวแล้วก็ประทับใจในความว่องไวของรถคันนี้ เล็ก และซอกแซกไปไหนได้ง่ายๆ แต่เรื่องนึงที่ติดใจผมอยู่เสมอคือ ผมว่ามันมีปัญหาช่วงล่างอะไรบางอย่าง เพราะรถมีอาการส่าย โคลง เวลาเข้าโค้งมีอาการไม่ค่อยเกาะถนน ทำให้ไม่ค่อยมั่นใจเวลาขับ วิ่งบนทางด่วนซัก 80 นี่ก็ไม่ค่อยมั่นใจ เจอร่องรอยการกลบถนนขั่วคราวที่ก็มีอาการสะบัด จนบางทีผมก็นึกๆว่า นี่ขับรถอยู่ หรือเล่นสเก็ตน้ำแข็งกันแน่ ซึ่งส่วนตัวก็เดาไว้สองสามเรื่องคือ ระบบช่วงล่าง ระบบพวงมาลัย หรือยาง ก็เลยไม่รู้จริงๆว่ามันเป็นอะไรแน่ ใจนึงก็อยากให้เป็นแค่ยาง เพราะเปลี่ยนก็คงหาย อีกใจก็ห่วงว่า มันจะเป็นเยอะกว่านั้นมั้ย จะโดนค่าซ่อมเท่าไหร่ ห่วงไปห่วงมา แต่ผมก็ได้แต่ขับ ไม่มีเวลาดูแลรถหรือเอารถไปเข้าศูนย์อย่างจริงจังเลย

 

จนมีช่วงอาทิตย์ก่อน ผมไม่ได้ขับคันนี้สองสามวัน พ่อผมเลยเอาไปขึ้นแท่นยกดู พ่อก็บอกว่า ยางหน้ามันสึกมากนะ ดูแข็งมากๆแล้วด้วย เวลาวิ่งมันเลยสะเทือน และไม่ค่อยเกาะถนน ยางหลังดอกยังเหลือๆอยู่ เหมือนมันไม่เคยถูกสลับยางเลย ถ้าเปลี่ยนยาง ก็น่าจะดีขึ้น 

 

ก็เลยลองกดๆหาดูว่าร้านยางใกล้ๆบ้านมีที่ไหนบ้าง แน่นอนว่าก็มีทั้งร้านสาขาอย่าง B-Quik หรือ Cockpit และก็ร้านยางทั่วไป แต่เพื่อลดค่าใช้จ่าย ผมก็เลยลอง inbox ไปถามร้านยางแถวบ้าน ก็พบร้านชื่อทรัพย์รุ่งเรือง ถามหาไซส์ 185/60 R15 ซึ่งได้ราคามาถึง 23 รุ่น! ตั้งแต่ยางปีเก่าเส้นละ1,200 จนถึงเส้นละ 2,900 สำหรับยี่ห้อดังๆ อย่าง Bridgestone, Michelin หรือ Yokohama และลงไปจนถึงแบรนด์ที่เราอาจจะไม่เคยได้ใช้อย่าง Toyo หรือ Hankook แต่จากรายชื่อยาวๆที่เค้าส่งมาให้ ทำให้ผมเห็นว่ามียางชื่อดังจากอิตาลีอย่าง Pirelli อยู่ด้วย และราคาไม่แรงเลย อยู่ตรงกลางๆ ซึ่งชื่อชั้นนี่คือเกรดเอแน่นอน ผมก็เลยลองสอบถามดูว่ารุ่นไหนเหมาะกับผม ซึ่งขับในเมืองเป็นส่วนมาก เน้นความเงียบ ควบคุมดี อยากให้ลดการสะเทือนลงหน่อย เท่าที่อีโคคาร์จะเป็นไปได้ ร้านก็แนะนำรุ่น Cinturato P1 มาให้ ในราคาเส้นละ 2250 บาท เป็นยางปี 2020 รวมๆสี่เส้น ไม่ถึงหมื่น น่าสนใจมาก เพราะใช้เส้นเก่าต่อไปก็ขาดความมั่นใจ ว่าแล้วก็นัดวันเข้าไปเปลี่ยน ร้านอยู่แถวแยกดาวคะนองนี่เองครับ  

 

ไปถึงร้านก็ยังเช้าๆอยู่ ลูกค้ายังไม่มากัน ก็แจ้งชื่อที่ติดต่อไว้ น้องก็ยกยางมาวางให้ดูว่า ยี่ห้อ รุ่น ปี ถูกต้องนะพี่ ผมดูก็ใช่ตามที่คุยไว้ แต่ก็งงๆว่าเค้าจัดวางยางอย่างเป๊ะไปทำไม แล้วก็ถึงบางอ้อเมื่อน้องเอาป้ายมาปิดทะเบียน เพื่อถ่ายรูปลงเฟสร้านนั่นเอง มองๆดู ดอกยางก็หล่อพอตัวนะ แต่ส่วนตัวผมไม่ได้มองตรงนั้นหรอก มองที่สมรรถนะและการแก้ปัญหาเรื่องควบคุมรถที่ผมมีอยู่มากกว่า 

 

หันมาอีกที มีลูกค้าเข้ามาอีกสองคัน ในขณะที่รถผมถูกยกขึ้นแท่น ผมก็ลองสำรวจยางเก่าดู ก็เห็นชัดเจนว่ายางหน้านี่สึกมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด ดอกหายไปเยอะเลย ถามน้องที่ร้านเค้าก็บอกว่า จริงๆรถขับหน้า ยางหน้าก็จะสึกมากกว่ายางหลังอยู่แล้ว ถึงจำเป็นต้องสลับยางทุกๆ 8,000-10,000 กิโล จะช่วยให้ยางสึกได้เสมอกัน แล้วก็ช่วยให้การควบคุมรถดีกว่าไม่สลับแน่นอน ถ้าปล่อยให้ล้อหน้าสึกมากๆแบบที่พี่ใช้อยู่ มันจะควบคุมรถได้ไม่ดี จะรู้สึกไม่หนึบ ซึ่งนี่ตรงอาการเลย ทั้งๆที่ผมไม่ได้เล่าให้น้องฟังเลยว่าที่มาเปลี่ยนเพราะอาการแบบนี้

 

น้องใช้เวลาไม่นานเพื่อถอดล้อเก่าออก แต่ก็มีเรื่องมาแจ้งผมอีกว่า บูทยางของปีกนกมันขาดแล้วนะพี่ควรเปลี่ยน เพราะถ้าไม่เปลี่ยน จะตั้งศูนย์ได้ไม่สมบูรณ์ ผมก็เหวอๆไปว่า ว่ามีค่าใช้จ่ายไม่ได้แพลนเพิ่มอีกเหรอเนี่ย แต่ก็เข้าใจว่ามันก็ควรเปลี่ยนจริงๆนั่นแหละ T_T แล้วก็จัดการให้น้องเปลี่ยนไป นึกในใจไว้ว่า ถือว่าไม่ต้องไปนั่งหาซื้ออะไรที่ไร้ประโยชน์เพื่อให้เต็มโควต้าช้อปดีมีคืน ซึ่งทางร้านก็ออกใบกำกับภาษีให้ด้วยอย่างรวดเร็ว

 

น้องใช้เวลาไม่นานในการเปลี่ยนปีกนก ผมก็ขออะไหล่เก่ามาส่องดูก็เห็นถึงการฉีกขาดของตัวลูกยางจริงๆ ลองดูรูปเทียบละกันครับระหว่างของใหม่และเก่า และก็ใช้เวลาอีกแป๊บนึง ในการเปลี่ยนยาง ตั้งศูนย์ ช่วงนั้นผมก็ก้มๆเงยๆดูของอยู่ในร้าน แล้วก็เห็นป้ายรับประกันอุบัติเหตุ เคลมฟรี 1 ปีที่วางอยู่ ซึ่งบอกเลยว่า ผมเพิ่งกดลงทะเบียนไปตะกี้เอง ถ้าไม่ได้คิดจะเขียนรีวิวก็ลืมไปแล้วว่าต้องไปลงทะเบียนด้วย ซึ่งจริงๆก็อยากให้ร้านลงทะเบียนให้อัตโนมัติเหมือนกัน เป็นการอำนวยความสะดวกให้ลูกค้า โดยเฉพาะช่วงนี้ที่ต้องขอข้อมูลเพื่อออกใบกำกับภาษีแทบทุกคน ซึ่งตอนจ่ายเงิน น้องที่ร้านก็แนะนำเกี่ยวกับตัวประกันนี้เช่นกัน ว่าเป็นประกันอุบัติเหตุของยาง ซึ่งเคลมได้ในระยะเวลา 1 ปี ผมว่าประกันนี้ดีเลยนะ เพราะว่าถ้าในช่วงปีแรกเนี่ย เรามักมีความรู้สึกว่ายางมันยังใหม่อยู่ ถ้าเจออุบัติเหตุต้องซื้อใหม่นี่คงเซ็งพอควรเลย ติดอยู่อย่างเดียวว่าประกันนี้มันเหมือนกันไปหมดทุกยี่ห้อเลย ถ้าแบรนด์ไหนกล้ารับประกันยาวกว่านี้ผมว่าคงได้ลูกค้าเพิ่มกันบ้างล่ะ 

 

 

แล้วรถก็เสร็จเรียบร้อย รวมๆใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงตั้งแต่จอดรถหน้าร้านจนจบการจ่ายเงินรับกุญแจคืน ผมก็ออกมาถ่ายรูปไว้อีกหนึ่งที กับป้ายโฆษณา Pirelli หน้าร้าน เอาไว้เตือนความจำว่าเปลี่ยนยางไปเมื่อไหร่ อ้อ ที่ร้านเค้าก็มีบริการสลับยางฟรีตามระยะ (ร้านมีป้ายเตือนห้อยตรงพวงมาลัยแจกให้) เอาเข้ามาเติมลมไนโตรเจนได้เดือนละครั้ง ผมว่าก็โอเคนะ ร้านแบรนด์สาขาเยอะๆบางทีก็เติมฟรี บางทีก็คิดเงินเรา

 

ขึ้นรถ สตาร์ทเครื่อง ผมก็ลุ้นเลยว่า รถมันจะควบคุมได้ดีขึ้นมั้ย เสียเงินไปไม่น้อยนะ แต่เดี๋ยวได้ลองเลย เพราะต้องขึ้นทางด่วนวิ่งเข้าเมืองอยู่แล้ว มีจังหวะทำความเร็ว และต้องผ่านต่างระดับคลองเตย ที่ก่อนเปลี่ยนยางผมจะกลัวๆเวลาเข้าโค้งว่ารถจะสะบัดหรือเปล่า 

ผมขับออกไป สิ่งแรกที่รู้สึกได้คือเสียง เสียงล้อบดถนนที่เคยได้ยินอยู่ เงียบลงอย่างชัดเจนเลย ความนุ่มนวลเวลาวิ่งผ่านรอยต่อผิวถนนก็ดีขึ้น ผมขับขึ้นทางด่วน รถโล่งพอควร เลยทำความเร็วได้ประมาณ 80-100 กม./ชม. ผ่านช่วงก่อสร้างสะพานพระรามเก้า เข้าโค้งต่างระดับคลองเตยเข้าเมืองได้อย่างมั่นใจ ซึ่งจุดที่ประทับใจที่สุดคือเรื่องการควบคุมรถ ที่รู้สึกชัดเจนว่ารถกลับมาอยู่คุมได้อยู่ในมืออีกครั้ง ไม่มีจังหวะไหนที่รู้สึกว่า รถมันสะบัดหรือทำอะไรที่ไม่ได้คาดไว้ การวิ่งผ่านรอยปิดขุดถนน ก็ทำได้นุ่มนวลขึ้น ไม่สะบัดอีกต่อไป ความรู้สึกที่ว่าเล่นสเก็ตน้ำแข็งอยู่หรือขับรถอยู่นี่หายไปเลย ควบคุมการเข้าโค้งได้อย่างดี รู้สึกได้จริงๆว่ารถมันกลับมาเป็นรถอีกครั้ง ไม่อยากเว่อร์ แต่เหมือนได้รถใหม่มาคันนึงเลยแหละ

 

ตอนนี้ผมก็ขับมาได้ประมาณ 300-400 โลแล้วหลังเปลี่ยนยาง ยังขับดีเหมือนวันแรกที่เปลี่ยนยางออกมาจากร้านเลย อยากบอกว่า ใครไม่ค่อยดูแลรถ แล้วมีอาการคล้ายๆกันกับผม ลองเอารถเข้าไปเช็คยางหน่อยก็ดีนะครับ อย่างน้อยให้ช่างดู จะได้ไม่ต้องสงสัย ไม่ต้องเดาว่ารถมันเป็นอะไรแน่ คือคิดๆดูนี่คือผมยอมท้าทายอุบัติเหตุอยู่ทุกวัน เรียกได้ว่าประมาทเลยแหละ ไม่ควรเลย ถ้าใครยังอยู่ในช่วงตัดสินใจ ช่วงนี้มีช้อปดีมีคืน เอาไปช่วยลดค่าภาษีได้อีกหน่อย น่าจะทำให้ตัดสินใจเปลี่ยนได้ง่ายกว่าเดิม 

 

แก้ไขล่าสุดโดย meinmymarch เมื่อ 9 ธันวาคม 2563 - 17:36


ตอบกระทู้ด่วน

กรุณาล็อคอินก่อนทำการตอบกระทู้นี้
สมัครสมาชิก หรือ ล็อคอิน