ยางรุ่นเดิมที่มั่นใจ

ผู้เขียนข้อความ

GLCDMark

member
เขียนกระทู้: 1
ตอบกระทู้: 0
พลังน้ำใจ: 0 (ขอบคุณ)
29 ธันวาคม 2563 21:35 - อ่าน: 3,260 - ตอบ: 0

สวัสดีครับเพื่อนๆ ผมพึ่งเคยได้เขียนรีวิวประสบการณ์การใช้สินค้าแบบนี้เป็นครั้งแรกเลย เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาไปมากกว่านี้ ผมจะขอเริ่มเลยละกันครับ บอกก่อนว่ารถที่ผมใช้คือรถ Mercedes Benz GLC 250d เจ้านี่ไปกับผมมาทุกที่ไม่ว่าจะขึ้นเหนือหรือล่องใต้ ครั้งนึงเคยมีประสบการณ์บนท้องถนนที่น่าตื่นเต้นและเป็นครั้งแรกเลยของผมที่ขับรถแล้วมีปัญหากับยาง ตอนนั้นผมออกจากบ้านมาเพื่อที่จะไปทำงานเหมือนทุกวัน ขับไปซักพัก สัญญาณไฟเตือนลมยางก็ติดขึ้นมา ผมก็รู้สึกเหมือนกันว่ารถมันควบคุมแตกต่างไปจากธรรมดา เลยรีบแวะจอดเช็คที่ปั๊มระหว่างทาง และเห็นว่าทำไมยางมันดูแบนๆ โอ้โห! คุณพระ! ตะปูตัวเบ้อเริ่มเจาะเข้าที่ยางผมเรียบร้อยแล้ว ซึ่งระยะทางจากที่ไฟเตือนติดจนมาถึงปั๊มนั้นรวมๆแล้วประมาณ 5-6 กิโลเมตร ซี่งแม้ผมจะรู้สึกบ้างว่ารถมันควบคุมไม่เหมือนเดิม แต่มันก็ไม่ได้เสียการควบคุมเลย นั่นทำให้ผมรู้สึกได้ถึงความเจ๋งของยาง Run-Flat ที่ช่วยให้ผมขับรถมาได้ตามปกติ ถ้าไม่งั้นผมคงกินข้าวลิงข้างทางไปซะแล้ว ซึ่งหลังจากนั้นผมยังประคองรถไปถึงร้านยางได้อย่างปลอดภัย 

ธรรมดาผมเป็นคนที่จะคอยสังเกตรถของตัวเองเป็นประจำทั้งเรื่องเครื่องยนต์ ช่วงล่าง และประสบการณ์ที่ผมได้จากครั้งนี้ ทำให้ผมชอบยางรถยนต์ที่เป็นประเภท Run-Flat ไปเลยเพราะมันทำให้ผมมั่นใจในความปลอดภัยได้เต็มที่ ซึ่งยางรถยนต์ที่ผมใช้วันนั้นคือคือ Pirelli Scorpion Verde ที่สามารถพาผมมาที่ศูนย์บริการได้อย่างปลอดภัย ซึ่งถ้าไม่นับเหตุการณ์ตะปูครั้งนี้ เจ้ายางชุดนี้มันก็ทำหน้าที่ทั่วไปได้ดีมากอยู่แล้ว ทั้งเรื่องของความมั่นใจในการเกาะถนนตั้งแต่วันแรกที่ผมออกจากโชว์รูมจนถึงทุกวันนี้ เวลาฝนตกก็รีดน้ำได้ดี ซึ่งถ้าใครเคยขับ SUV ที่มีความสูงกว่ารถเก๋งจะรู้ว่าถ้ายางไม่เกาะถนนตอนฝนตกน้ำนอง มันจะรู้สึกหวิวๆเลยแหละ ซึ่งยางชุดนี้ไม่เคยทำให้ผมไม่มั่นใจเลยในช่วงหน้าฝน และผมว่ามันให้ความนุ่มเงียบที่ดีอีกด้วย 

ก่อนจะไปต่อ ผมขอเล่าให้ฟังสำหรับคนที่ยังไม่เข้าใจเรื่องยาง Run-flat คืออะไร มาครับ 

“ยาง Run-Flat ตรงๆก็คือ ยางที่ยังวิ่งต่อได้ แม้ลมจะรั่วไปมาก หรือถ้าตามที่เว็บต่างๆแนะนำ คือยางที่สามารถช่วยให้เรา ประคองตัวรถไปยังจุดที่ปลอดภัยได้ แม้ว่ายางเสียความดันลมไปพอสมควร โดยไม่ต้องเปลี่ยนยางอะไหล่ทันที” ซึ่งมันก็มีข้อดีและข้อเสียครับ

 ข้อดี คือ ทำให้รถของคุณยังสามารถวิ่งได้หลังลมรั่ว ยังสามารถขับขี่และคุมทิศทางและขับรถต่อไปได้อีกอย่างน้อยๆ 30 กม. ด้วยความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม.

ส่วน ข้อเสีย แก้มยางจะแข็งกว่ายางปกติ และราคาค่อนข้างสูงครับ (แต่สำหรับผมว่ามันคุ้มค่าที่จะเปลี่ยนนะ)

(ที่มา : https://www.autospinn.com/2020/03/run-flat-tire-77352)

ผมประคองรถ ซึ่งก็ต้องบอกว่าไปแบบชิลๆ ไม่ได้ต้องระวังจนกลัว จนไปถึงบีควิกใกล้บ้าน (โลตัส รามอินทรา) ซึ่งพอร้านเช็คแล้ว ก็แนะนำว่ามีทางเลือกสองทาง คือ เปลี่ยนเฉพาะเส้นที่โดนตะปู เพราะว่าด้วยความเป็น run-flat ผู้ผลิตทุกยี่ห้อแนะนำให้เปลี่ยนเลยถ้าเกิดอาการยางรั่วและมีการขับต่อไปแบบนี้ ไม่แนะนำให้ปะหรือซ่อมแซมด้วยวิธีใดๆ หรืออีกทางคือเปลี่ยนทั้งหมด4เส้น แต่เช็คประวัติแล้ว ยางชุดนี้ผมก็ใช้มาได้เกือบๆสองปีแล้ว ก็ใกล้ได้เวลาต้องเปลี่ยนพอดี ร้านแจ้งว่าราคาอยู่ที่ 17,900.-/เส้น ซึ่งถือว่าราคาแรงอยู่นะ เมื่อเทียบกับยี่ห้ออื่นๆที่ชื่อเสียงใกล้เคียงกับยางเดิมของผมอย่าง MICHELIN LATITUDE SPORT 3 ซึ่งราคาค่าตัวของมันอยู่ที่ 12,090.-/เส้น ถึงแม้ว่าคุณภาพและชื่อเสียงของ MICHELIN จะมีคุณภาพที่ใช้ได้ แต่ความมั่นใจที่เห็นเจ้ายางชุดเก่าพาผมมาถึงร้านยางได้ทั้งๆที่รั่วขนาดนั้น ทำให้ผมตัดสินใจเลือกใช้ Pirelli ต่อไป และตัวยางมีประกันการเสียหายให้อีกปีนึง พร้อมโปรผ่อน 0% 10 เดือน บวกกับเครดิตเงินคืนจากเครดิตการ์ด ผมก็ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ไม่รอช้าละครับ ให้เค้าเปลี่ยนเลย  

หลังจากที่ส่งรถกับทางพนักงานเรียบร้อย ผมก็นั่งรอให้พนักงานเอารถผมไปเปลี่ยนยางครับ คอยไม่นานพนักงานก็มาแจ้งว่ารถเรียบร้อยแล้ว พร้อมเรียกผมไปตรวจสอบความเรียบร้อย และชำระเงิน ซึ่งทางร้านได้เติมลมไนโตรเจนมาให้ด้วย ซึ่งลมยางไนโตรเจนมีประโยชน์มากครับ คือ มีความเสถียรมากกว่า เช็คลมเติมลมแค่เดือนละครั้งก็พอ และไนโตรเจนจะมีไอน้ำปะปนอยู่ในก๊าซ ทำให้การขับขี่ในเวลานานจะทำให้ความร้อนในยางรถยนต์นั้นมีอุณหภูมิน้อยกว่าลมยางปกติ รวมถึง กัดกร่อนเนื้อยางน้อยกว่า ซึ่งน่าจะเหมาะกับการวิ่งเมืองไทยที่ร้อนซะ 11 เดือนต่อปี และลมยางธรรมดานั้นมีก๊าซอ็อกซิเจน และไอน้ำเจือปนอยู่ ซึ่งสร้างปฏิกิริยาอ็อกซิเดชั่นกับเนื้อยาง โดยจะทำให้เกิดการสึกหรอภายในเนื้อยาง และอาจทำให้เกิดสนิมในล้อกระทะเหล็กได้อีกด้วย ส่วนลมยางไนโตรเจนนั้นเป็นก๊าซแห้ง จึงไม่ก่อให้เกิดปฏิกิริยากับเนื้อยาง

(ที่มา : https://www.autostation.com/knowledge/nitrogen-gas-tire)

ตั้งแต่ขับออกมาจากศูนย์บริการ ก็เหมือนสนามทดลองยางเลยแหละ เพราะเจอกับถนนที่เป็นคอนกรีตที่มีรอยต่อถนนอย่างต่อเนื่อง สลับกับการขุดถนนหลายๆช่วงแถวออฟฟิศผม ซึ่งประสิทธิภาพของยางก็อย่างที่ผมคุ้นเคยเลยครับ ด้วยความเป็นยางชุดใหม่กริ๊บ ทำให้ความนุ่มเงียบ เก็บเสียงรอยต่อของถนนได้เป็นอย่างดีกว่าก่อนเปลี่ยน และควบคุมรถได้อย่างมั่นใจ พอใช้ความเร็วบนทางด่วน ก็สามารถเก็บเสียงรอบนอกได้เป็นอย่างดีครับ หรือจะเป็นถนนในหมู่บ้านของผมที่มีลูกระนาด ก็รู้สึกได้ถึงความนุ่มนวลมากขึ้นครับ แต่ที่สำคัญมากๆสำหรับผมเลยคือ ผมมั่นใจว่าถ้าเกิดอุบัติเหตุ มีอะไรทำให้ยางรั่ว ผมจะสามารถควบคุมรถไปที่ร้านยางได้แน่นอน ไม่ต้องหาวิธีเปลี่ยนยาง ไม่ต้องตามรถสไลด์ใดๆ ก็แนะนำครับ หากใครกำลังมองหายางรถยนต์ที่มีคุณภาพและคุ้มค่ากับเงินที่คุณเสียไปผมแนะนำ "Pirelli Scorpion Verde" ครับ  

กระทู้อื่นๆที่เกี่ยวข้อง


ตอบกระทู้ด่วน

กรุณาล็อคอินก่อนทำการตอบกระทู้นี้
สมัครสมาชิก หรือ ล็อคอิน