ผู้เขียน | ข้อความ | ||
---|---|---|---|
smanpruksa
เขียนกระทู้: 82
ตอบกระทู้: 0
พลังน้ำใจ: 0
(ขอบคุณ)
|
หลายครั้งที่ผู้ขับขี่รถยนต์ต้องเลือกใช้บริการจากอู่ซ่อมรถยนต์ที่มีช่างผู้ชำนาญการเฉพาะที่ไว้ใจได้ เนื่องจากมีราคาย่อมเยา จับต้องได้ มากกว่าการเลือกใช้บริการที่ศูนย์บริการซึ่งอาจทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายที่แพงกว่า แต่ก็ต้องปวดหัวกับประเภทของอะไหล่รถยนต์ที่ช่างเสนอมาให้เลือกใช้ ว่าต้องการอะไหล่รถยนต์มีประเภทไหนกันบ้าง? (11 อะไหล่ที่ต้องเปลี่ยนเมื่อครบกำหนด https://www.smk.co.th/newsdetail/331) ประเภทของอะไหล่รถยนต์ ประเภทของอะไหล่รถยนต์ตามภาษาเรียกของช่างและคนทั่วไป สามารถแบ่งได้เป็น 5 ประเภท ดังนี้ 1. อะไหล่แท้ คืออะไหล่ที่มาจากบริษัทรถยนต์โดยตรงทำให้มีราคาสูง มีคุณสมบัติและคุณภาพที่ได้มาตรฐานจากบริษัทรถยนต์เป็นของใหม่ มีกล่องหรือหีบห่อที่เป็นโลโก้เดียวกับรถยนต์ สามารถเบิกจากศูนย์บริการได้ แต่การสั่งผ่านร้านอะไหล่อาจเจออะไหล่ปลอมที่ทั้งตัวอะไหล่และกล่องบรรจุ อะไหล่แท้จึงควรซื้อจากศูนย์หรือร้านอะไหล่ใหญ่ๆ ที่ไว้ใจได้ 2. อะไหล่เทียมแท้ เป็นอะไหล่ใหม่แกะกล่อง แต่เป็นยี่ห้ออิสระที่มีราคาถูกกว่าอะไหล่ของแท้ราว 15-40% แล้วแต่ประเภทของอะไหล่ โดยร้านที่จำหน่ายมักอ้างว่าเป็นบริษัทเดียวกับที่ผลิตให้บริษัทรถยนต์ มีบางยี่ห้อที่ผลิตให้กับบริษัทรถยนต์จริง แต่ก็มีหลายยี่ห้อที่ไม่ใช่ จำเป็นต้องหาข้อมูลอย่างละเอียดถี่ถ้วนเพราะอะไหล่ OEM ที่ผลิตให้กับโรงงานประกอบรถยนต์นั้นจะมีเพียงไม่กี่ยี่ห้อ แล้วแต่ประเภทว่าเป็นอะไหล่ส่วนไหนของเครื่องยนต์ 3. อะไหล่เทียม คืออะไหล่ที่ลอกเลียนเลียบแบบอะไหล่แท้และอะไหล่เทียบโดยใช้วิธีการปลอมสินค้า ผลิตขึ้นจากโรงงานที่ขาดความสามารถในการทำการผลิตแข่งขันกับบริษัทอื่นๆ ส่วนมากจะปลอมอะไหล่ยี่ห้อที่ได้รับการยอมรับหรือยี่ห้อขายดีในตลาด แต่เป็นอะไหล่คุณภาพต่ำ มีข้อจำกัดเรื่องราคาและเทคโนโลยีการผลิต ทำให้ได้อะไหล่ที่ไม่ค่อยมีคุณภาพมากนัก เน้นราคาถูกไว้ก่อน ซึ่งอายุการใช้งานจะสั้นมาก และบางครั้งอาจจะส่งผลให้เกิดความเสียหายมากขึ้นกว่าปกติ 4. อะไหล่เทียบ คืออะไหล่ที่สามารถใช้ร่วมกันได้ในรถยนต์ที่ผลิตขึ้นจากต่างบริษัทหรือต่างยี่ห้อได้ ตัวอย่างเช่น รถญี่ปุ่นและรถเกาหลีมีปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องยนต์หัวฉีดที่มีขนาดเท่ากัน รวมถึงลักษณะคล้ายกันจึงใช้ทดแทนกันได้ มากกว่านั้นการเลือกอะไหล่เทียบมาใช้แทนอะไหล่แท้ก็เป็นการช่วยลดค่าใช้จ่าย และสามารถให้ประสิทธิภาพในการทำงานที่เท่าๆ กัน ซึ่งอะไหล่แท้บางยี่ห้อจะมีราคาแพงมาก ก็สามารถเลือกยี่ห้อถูกกว่ามาใช้แทนแต่มีคุณภาพจัดอยู่ในระดับอะไหล่แท้ได้ 5. อะไหล่มือสอง คืออะไหล่ที่ถอดจากรถรุ่นเดียวกัน มาได้จากทั้งในและต่างประเทศ และอะไหล่บางชนิดก็สามารถใช้ได้และดีกว่าอะไหล่เทียมบางยี่ห้อ แต่ต้องมีทักษะ ความรู้ และความเชี่ยวชาญในการเลือกซื้อ ควรหาอะไหล่มือสองจากร้านที่สามารถตรวจสอบที่มาของอะไหล่ได้จะดีที่สุด เนื่องจากชิ้นส่วนต่างๆ ภายในรถยนต์จะมีความแตกต่างกันไปในรายละเอียดการเลือกซื้อและพิจารณาเลือกชิ้นส่วน
อะไหล่รถยนต์แต่ละประเภทราคาเท่าไร? เมื่อเลือกประเภทของอะไหล่ที่ต้องการเลือกใช้เพื่อเปลี่ยนชิ้นส่วนของรถยนต์ที่เสียหายจนไม่สามารถซ่อมได้แล้ว ก็ควรหาข้อมูลเรื่องราคาของอะไหล่แต่ละยี่ห้อเพื่อเปรียบเทียบกันด้วย (ร้านอะไหล่รถยนต์ออนไลน์ คลิก https://www.milework.com) ดังนี้ 1. กระบอกสูบ (Cylinders) ราคาประมาณ 300,000 บาท กระบอกสูบเป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดของเครื่องยนต์ ทำหน้าที่เป็นช่องทางขึ้น-ลงของลูกสูบเพื่อจุดระเบิดเครื่องยนต์ ราคาโดยประมาณของกระบอกสูบจะอยู่ที่ 2-3 แสนบาท ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว หากต้องเปลี่ยนกระบอกสูบขึ้นมาจริงๆ เจ้าของรถส่วนใหญ่มักจะตัดสินใจขายรถคันนั้นและหาซื้อรถคันใหม่แทน 2. แบตเตอรี่ ไฮบริด ราคาประมาณ 180,000 บาท แบตเตอรี่สำหรับเครื่องยนต์ไฮบริดคืออุปกรณ์สำคัญที่สุดชิ้นหนึ่ง เพราะเป็นแหล่งรวมพลังงานเกือบทั้งหมดในการขับเคลื่อน และรถยนต์รุ่นที่เป็นไฮบริดจะราคาสูงขึ้นกว่ารุ่นเครื่องยนต์ปกติในหลักแสนบาท เพราะราคาแบตเตอรี่ไฮบริดซึ่งเป็นลิเธียมไอออนราคาสูงถึงประมาณ 180,000 บาท ส่งผลให้ค่ายรถที่ผลิตรถประเภทนี้ออกมาขาย ส่วนใหญ่จะมีการรับประกันแบตเตอรี่เป็นระยะเวลา 5-10 ปี 3. ชุดเกียร์ (Transmission) ราคาประมาณ 150,000 บาท ระบบส่งกำลังหรือ “เกียร์” ถือเป็นชุดอะไหล่ที่มีราคาแพงลำดับต้นๆ ในรถยนต์บางรุ่นบางยี่ห้อชุดเกียร์อัตโนมัติหากเปลี่ยนที่ศูนย์บริการจะมีราคาสูงระดับ 2 แสนบาท แต่หากคิดเฉลี่ยทุกยี่ห้อออกมาแล้ว ประมาณราคาอยู่ที่ 150,000 บาท ซึ่งโดยปกติแล้วรถยนต์ 1 คัน อาจไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์เลยก็ได้ตลอดอายุการใช้งาน ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้เกียร์รวมถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับรถบางรุ่นและบางคันเท่านั้น 4. ชุดช่วงล่าง (Suspension) ราคาประมาณ 105,000 บาท อีกหนึ่งส่วนสำคัญของรถยนต์คือช่วงล่าง ซึ่งตอบสนองได้ทั้งความนุ่มนวลในการขับขี่ ระบบเบรก ระบบสมดุลของรถ ส่งผลด้านความปลอดภัย โดยชุดช่วงล่างจะมีส่วนประกอบสำคัญหลายชิ้น และสามารถแยกซ่อมหรือเปลี่ยนอะไหล่แต่ละชิ้นได้ แต่หากต้องเปลี่ยนช่วงล่างยกชุด ราคาจะประมาณอยู่ที่ 105,000 บาท 5. เพลาลูกเบี้ยว (Camshaft) ราคาประมาณ 50,000 บาท Camshaft หรือในภาษาไทยเรียกอะไหล่ชิ้นนี้ว่า “เพลาลูกเบี้ยว” ทำหน้าที่ปิดเปิดลิ้นไอเสีย และเคลื่อนที่ด้วยเฟืองที่ขบกับเฟืองของเพลาข้อเหวี่ยง เมื่อการใช้งานผ่านไปเพลาลูกเบี้ยวจะมีเศษสิ่งสกปรกเข้าไปอุดตัน ซึ่งการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องถือเป็นการรักษาอะไหล่ชิ้นนี้ไปในตัว แต่หากเพลาลูกเบี้ยวแตก ต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งชิ้น ซึ่งราคาของตัวเพลาอาจไม่แพงมาก แต่ขั้นตอนในการเปลี่ยนค่อนข้างยุ่งยาก เมื่อรวมค่าแรงแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 50,000 บาท ดูแลรถคุณให้ปลอดภัย ด้วยประกันรถยนต์ตามเวลา ช่วยให้คุณจ่ายสบายด้วยเบี้ยเบาๆ บรรเทาภาระในยามวิกฤต เลือกได้ตามใจ ให้ความคุ้มครอง 6 และ 12 เดือน ช่วยให้คุณอุ่นใจได้ทุกครั้งที่ออกเดินทาง เบี้ยเริ่มต้นที่ 969 บาทต่อปี สนใจรายละเอียด คลิก https://www.smk.co.th/productmotordetail/1020 Line : @smkinsurance แก้ไขล่าสุดโดย smanpruksa เมื่อ 12 เมษายน 2566 - 13:17
กระทู้อื่นๆที่เกี่ยวข้อง
|
||