6 วิธี ดูแลยางรถยนต์ ให้มีอายุยาวนานยิ่งขึ้น

ยางรถยนต์ ถือว่าเป็นอะไหล่รถยนต์ที่สำคัญมากๆ ถ้าเจ้าของรถไม่คอยเอาใจใส่ หรือคอยดูแลรักษาสภาพรถยนต์ อาจจะทำให้ ยางรถยนต์ เสื่อมสภาพลงได้ เมื่อยางรถยนต์เสื่อมสภาพ อาจทำให้รถชนกัน หรือเกิดเหตุการณ์อื่นๆ ที่ร้ายแรง ได้เหมือนกัน และใช่ว่าทุกคนจะได้ขับรถบนถนนเรียบๆ

คนในเมืองที่ขับรถโดยปกติก็จะเจอถนนเรียบๆ เป็นประจำ (มีบ้างที่เป็นหลุมเป็นบ่อ) แต่คนต่างจังหวัดที่ใช้รถทำการเกษตร หรือขึ้นเขาลงห้วย อาจจะต้องเจอกับสภาพถนนที่มีแต่ความขรุขระ ยางรถยนต์ก็อาจจะเสื่อมสภาพลงได้ ซึ่งจริงๆ แล้ว คุณสามารถ ดูแลรักษาสภาพรถยนต์ได้ ดังนี้

1.คอยวัดแรงดันลมยางอยู่เสมอ

หน้ายางจะสึกเร็ว หากแรงดันลมยาง แข็งหรืออ่อนเกินไป ยิ่งแรงดันลมยางรถยนต์ทั้ง 4 ล้อไม่เท่ากัน ก็จะส่งผลกระทบให้หน้ายางสึกไม่เท่ากันด้วย สำหรับใครที่เพิ่งเปลี่ยนยางมาใหม่ ต้องเช็กลมยางบ่อยๆ เพราะการใช้งานยางรถยนต์ใหม่ๆ โครงยางจะขายตัว แรงดันจะลดลงกว่าปกติ

2.ควบคุมน้ำหนักการบรรทุกของ

อย่าคิดว่าข้อนี้ไม่เกี่ยว ของหนักๆ ก็ส่งผลต่อยางรถยนต์ได้เหมือนกัน สมมติว่าของหนักและของเยอะ แต่ลมยางไม่สมดุลกัน หน้ายางก็จะสัมผัสกับถนนมากขึ้นกว่าเดิม

3.ความเร็วของรถยนต์

สิงห์นักซิ่งอย่าลืมใส่ใจยางรถยนต์เวลาที่ขับรถเร็วๆ ด้วย ลองคิดดูว่า สภาพพื้นผิวถนนที่ (ไม่ค่อยจะ) เรียบ บวกกับความเร็วของรถที่ขับ แน่นอนว่าส่งผลให้ยากสึกได้ไวยิ่งขึ้น  

4.ปะซ่อมยาง

แผลหน้ายาง หรือแผลเล็กน้อยที่ไม่เกิน 6 มิลลิเมตร ก็ใช้วิธีปะซ่อมยางน่าจะดีกว่า แต่ถ้าเกิดขึ้นบริเวณอื่น เช่น ไหล่ยาง ไม่ควรปะหรือซ่อมหรือนำมาใช้ต่อเด็ดขาด เพราะมันไม่สามารถยึดเกาะกับวัสดุที่ปะลงไปในยางแล้ว

5.การตั้งศูนย์ล้อ

ถ้าเจ้าของรถตั้งศูนย์ล้อถูกต้อง การใช้งานของยางก็จะราบเรียบสม่ำเสมอ ถือว่านี่เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ยืดอายุการใช้งานของยางรถยนต์ได้ดี

6.สลับยางรถยนต์

เมื่อใช้ยางรถยนต์เส้นนี้มาได้สักระยะหนึ่ง ถ้าแรงดันลมยางรถยนต์ทั้ง 4 ล้อไม่เท่ากัน ยางก็จะสึกหรอไม่เท่ากัน เจ้าของรถควรสลับยางรถยนต์ จากล้อหน้าไปล้อหลัง ซึ่งการสลับยางจะทำให้ความเสื่อมของดอกยางแต่ละเส้นนั้นสม่ำเสมอกัน (ทางที่ดีทุกๆ 6 เดือน หรือ 9,000 กม. ขึ้นไปก็ควรสลับยางรถยนต์ได้แล้ว)

6 วิธีนี้เป็นการช่วยยืดอายุการใช้งานของยางให้ยาวนานยิ่งขึ้น ที่ว่ากันว่า 2 ปี แล้วต้องเปลี่ยนยางรถยนต์ เพราะถือว่าไม่ใช่เรื่องจำเป็น ถือเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายให้เหลือน้อยลง เพราะไหนจะค่ารถที่ต้องจ่าย (ในกรณีที่เพิ่งซื้อ) ค่าบำรุงรักษา ประกันรถยนต์ ฯลฯ ก็จะช่วยให้มีเงินเหลือมากขึ้น