Pirelli แบรนด์ยางมาตรฐานดีที่อยากเล่าให้ฟังว่าทำไมถึงถูกใจ และตัดสินใจเปลี่ยนยาง

ด้วยเหตุที่ว่าผมต้องเริ่มทำงานที่บ้านตามมาตรการลดการแพร่กระจายโรคโควิด-19 ก็เลยมีเวลาว่างมากขึ้น นอกจากทำงานตามปกติแล้ว ก็เหลือเวลาไปจัดการสิ่งต่างๆ ภายในบ้านที่ค้างคามาตั้งแต่ปีใหม่ โดยเฉพาะเรื่องเปลี่ยนยางรถยนต์ที่คิดและเก็บข้อมูลอยู่นานเกือบเดือน

พอแชร์ข้อมูลให้เพื่อนฟังแล้ว ก็เลยเป็นที่มาให้ผมเข้ามาโพสท์กระทู้แรกใน pantip นี่ล่ะครับ

จริงๆ แล้วเดือนเมษายนปีนี้จะครบ 3 ปีอายุยางเดิม แต่ที่ผมไม่อยากรอถึงตอนนั้นเพราะช่วงนี้กลับมาใช้รถมากขึ้น คงไม่มีใครอยากไปเสี่ยงโควิด-19 แออัดบนรถไฟฟ้าหรือนั่งแท็กซี่ ทีนี้พอกลับมาใช้รถเยอะๆ คิดว่าเปลี่ยนยางตอนนี้เลยก็เหมาะกว่า เดี๋ยวครึ่งปีหลังก็จะมีเหตุให้ผมต้องออกไปทำงานต่างจังหวัดบ่อยขึ้นด้วย

ทีนี้ลองมาดูแนวทางเรื่องการเปลี่ยนยางของผมครับ ก็ไม่มีอะไรซับซ้อน 1) ตอบโจทย์การใช้งาน 2) ตรงกับการใช้เงิน และ 3) ลายดอกยางที่ถูกโฉลก

ข้อแรก - ตอบโจทย์การใช้งาน

รถฟอร์จูนเนอร์ ปี 2005 คันนี้ผมใช้มา 14 ปีแล้ว สภาพยังดี เข้าศูนย์ตลอด เปลี่ยนอะไหล่ทุกอย่างตามเกณฑ์ ปกติขับในเมืองเป็นหลัก มีออกต่างจังหวัดพอสมควรแต่ก็ไม่ได้ไปขับสมบุกสมบันอะไรมากมาย ที่เน้นคือความสามารถของยางในการรีดน้ำ เพราะแอ่งน้ำถนนกรุงเทพนี่เยอะครับ แล้วเคยมีประสบการณ์เหินน้ำมาแล้ว ปกติยางที่ผมใช้ Michelin Primacy SUV ก็ตอบโจทย์เรื่องนี้ได้ดี

แต่พอมาปีนี้ ผมจะต้องเดินทางไปทำงานต่างจังหวัดเยอะพอสมควร เลยมองหาทางเลือกใหม่ที่คุณภาพดี ออกกึ่งเมืองกึ่งลุยๆ ที่หาข้อมูลแล้วยางสำหรับรถ SUV ที่เป็นสายกึ่งเมืองกึ่งลุยก็มี

Michelin 265/70R16 LTX FORCE ที่เหมาะทั้งออฟโรดปานกลาง และถนนไฮเวย์, Yokohama 265/70R16 GEOLANDAR A/T G015 ที่ตอบโจทย์ทางเปียกและออฟโรด, Pirelli 265/70R16 SCORPION ATR ที่ออกแบบมาให้เหมาะกับทุกสภาพถนน

Michelin ชื่อเสียงเขาก็โด่งดังอยู่แล้ว คงไม่ต้องแนะนำกันมาก รุ่นนี้ดอกยางเหมาะกับออฟโรดหน่อยๆ ก็ตรงกับการใช้งานที่จะเปลี่ยนไป ส่วน Yokohama ก็เป็นยางที่สนใจอยากลองใช้ดูเหมือนกัน เพราะเป็นแบรนด์ยางระดับท็อปๆ ของญี่ปุ่น แต่สำหรับ Pirelli คนทั่วไปอาจจะคุ้นกับการเป็นแบรนด์ยางสำหรับรถ F1 หรือพวกรถซูเปอร์คาร์ ซึ่งจริงๆ Pirelli พัฒนายางสำหรับรถยนต์ทั่วไปด้วย เป็นแบรนด์จากอิตาลีที่มีรากฐานมานานกว่าร้อยปี เรียกว่าโดยมาตรฐานแล้วยังไงก็ดี

ข้อสอง - ตรงกับการใช้เงิน

ข้อนี้คงไม่ต้องพูดเยอะ เพราะยิ่งสถานการณ์โควิด-19 คงทำให้เรากำเงินกันแน่นแน่ๆ อะไรที่ลดรายจ่ายได้ยิ่งควร ปัจจัยเรื่องเงินเป็นอะไรที่สำคัญมาก เพราะอย่าลืมว่ายางหนึ่งเส้นราคาไม่ต่างกันมาก แต่พอรวมเป็นสี่เส้นต่อการเปลี่ยนครั้งนึง คูณไปแล้วก็เป็นจำนวนเงินไม่น้อย

ทีนี้ลองมาเทียบราคากันดู

Michelin ราคา 5,050 x 4 = 20,200 บาท

Yokohama ราคา 4,390 x 4 = 17,560 บาท

Pirelli ราคา 3,990 x 4 = 15,960 บาท

พอเหลือตัวเลือกน้อยลงแล้ว Pirelli ก็ขึ้นมายืนหนึ่ง ผมที่เป็นคนชอบหาข้อมูลก่อนตัดสินใจ เลยเปิดดูรีวิวจากเวบไซท์ต่างๆ ในไทย ซึ่งหายากหน่อย ก็เลยต้องหาของเมืองนอกมาอ่าน ซึ่งโดยรวม Pirelli ได้คะแนนค่อนข้างดีทีเดียว เหมาะกับการใช้งานทั้งไฮเวย์ การขับขี่ในเมือง ไปจนถึงออฟโรด

https://www.tirerack.com/tires/tires.jsp?tireMake=Pirelli&tireModel=Scorpion+ATR

ในเวบไซท์ tirerack รีวิวจากการทดลองกับรถหลายยี่ห้อ ทั้ง Lexus GX470, Ford F-150, Hummer H2, Cadillac Escalade, Jeep Wrangler พบว่ายาง Pirelli The Scorpion ATR เหมาะกับรถ SUV และ 4x4 ในทุกสภาพถนน ตอบสนองได้ดีบนถนนไฮเวย์ขับยาวๆ หนึบมาก และการทดลองขับขี่ในถนนขรุขระก็ทำได้ดีเช่นกัน มีคำชมว่าวิ่งเงียบ ช่วยประหยัดน้ำมัน และลายดอกยางช่วยเกาะถนนได้ดี

https://www.pirelli.com/tyres/en-ww/car/find-your-tyres/products-sheet/scorpion-atr

ส่วนในเวบไซท์ Pirelli เองก็อธิบายเรื่องดอกยางไว้ดีเลย คือแก้มยางออกแบบมาให้ทนทานต่อแรงกระแทบ ไหล่ยางสองด้านเป็นบล็อคใหญ่ช่วยเรื่องการเบรคในทุกสภาพถนน ดอกยางมีความโค้งทำให้เกาะถนนดี ลุยออฟโรดก็ดีเช่นกัน ตัวร่องดอกยางเป็นร่องโค้งๆ เพื่อการรีดน้ำที่ดีและกำจัดโคลนหินออกจากยางได้ดีขึ้นด้วย มีข้อเสียนิดหน่อยที่อ่านเจอจะเป็นเรื่องการเกาะถนนช่วงหิมะตก ซึ่งบ้านเรายังไงเสียคงไม่มีโอกาสขับลุยหิมะแน่ๆ โดยรวมก็ถือว่า Pirelli คุณภาพคุ้มราคาดีทีเดียวครับ

ส่วนเฟสบุ๊คของแบรนด์ในไทย https://th-th.facebook.com/pirelli.th/ ก็ค่อนข้างคึกคัก มีโพสท์ให้คำแนะนำเรื่องยางอ่านเข้าใจง่าย แอดมินเพจขยันตอบ ช่วยให้ข้อมูลพร้อมราคาได้ละเอียดดีครับ

พอลองเข้าไปดูเวบไซท์ที่รวมเอาความคิดเห็นผู้ใช้งาน อย่าง tyrereview.co.uk, productreview.com.au, 1010tires.com ยางรุ่นนี้ ได้หลายความเห็นเลยครับ ที่ไม่ชอบก็มีบ้าง แต่ที่ชอบถือว่าเยอะกว่า ความโดดเด่นของรีวิว อย่างเช่น เป็นยางสำหรับทุกสภาพถนนที่ลดเสียงเข้าห้องโดยสารได้ดี ขับได้ดีที่ทั้งทางเปียกและแห้ง รีดน้ำได้ดี ขับทางไกลเกาะถนนดี ประหยัดน้ำมัน

ปัญหาใหญ่ตอนนี้ของผมคือ รีวิวครอบคลุมพอสมควรในการใช้งานต่างประเทศ แต่สำหรับสภาพถนนในเมืองไทยก็ต้องบอกว่าหายาก อาจจะทั้งเป็นแบรนด์ไม่แมสเท่ายี่ห้ออื่น และคนอาจจะเกร็งกับการเป็นยางสำหรับรถยุโรป เลยไม่ค่อยใช้แพร่หลายหรือเปล่าไม่แน่ใจเหมือนกัน เท่าที่อ่านรีวิวและข้อมูลโดยรวมแล้ว สำหรับผมถือว่าสอบผ่าน เพราะสเปคยางนี้ผมไม่ได้ใช้สำหรับออฟโรดลุยจริงๆ ลุยน้ำครึ่งคันอะไรแบบนั้นอยู่แล้ว

และสาม - ลายดอกยางที่ถูกโฉลก

ผมล้างรถเอง เวลาล้างรถมันก็ปกติที่จะเห็นดอกยางชัด ซึ่งช่วยเช็คสภาพยางไปในตัวด้วย แล้วพอล้างรถเองมันจะอยากจะเห็นดอกยาง แก้มยางรถเราที่มันสวยถูกใจเราไหม ถ้ามียางที่ผ่านมาถึงข้อนี้มากกว่าหนึ่ง ผมจะเปรียบเทียบจากลายดอกยางและแก้มยาง แค่นี้จบ!

คำว่าลายถูกโฉลกนี่ก็นานาจิตตังนะครับ แล้วแต่เลยว่าเป็นคนชอบลวดลายแบบไหน ไม่มีถูกมีผิด เหมือนเรามองความสวยงามแตกต่างกันไป

Pirelli Scorpion ATR ตัวดอกยางลายสวย ผมชอบไหล่ยางสองข้างที่เป็นเส้นกรอบดูบึกบึนดี ช่องรีดน้ำค่อนข้างใหญ่ แก้มยางออกแบบสวย ลายดอกยางได้แรงบันดาลใจจากแมงป่องตามชื่อรุ่นด้วย เท่ๆ แมนๆ ดี

ถึงเวลาเปลี่ยนยาง

พอตัดสินใจเลือก Pirelli Scorpion ATR แล้ว ผมก็ไปบีควิกแถวบ้าน ขอไปเช็คของก่อนว่าเป็นยางสัปดาห์ไหนปีไหน ก็ได้ยางของปี 2019 มาครับ รีบเปลี่ยนช่วงนี้ก็ดี เพราะนานๆ ไปไม่รู้ว่าสถานการณ์โควิด-19 จะเป็นอย่างไรต่อไป พอเช็คแล้วเห็นคิวไม่ต้องรอก็เปลี่ยนเลยครับ

เหตุผลที่ผมเลือกเปลี่ยนที่บีควิก เพราะถึงจะราคาแพงกว่าร้านยางทั่วไปสักหน่อย แต่ก็สะดวกดี มีสาขาทั่วประเทศ จะเติมลม ปะยางอะไรระหว่างเดินทางก็สะดวก บริการฟรีให้ด้วย แล้วโปรโมชั่นของปีนี้ก็ดุเดือดดี ตัดสินใจง่าย คือ บาดบวมแตก เคลมยางฟรี 1 ปี ก็เรียกว่าคุ้มเลย เพราะถ้ายางเสียหายซ่อมไม่ได้ ทางแบรนด์จะเคลมยางเส้นใหม่ให้ฟรีเลย

ระหว่างรอเปลี่ยนยาง พี่ช่างเป็นกันเองมาก พอคุยถูกคอผมก็ขอขึ้นไปดูดอกยางยี่ห้ออื่นๆ พี่เขาก็พาขึ้นไปเลือกดู พอขึ้นไปดูใกล้ๆ ก็เห็นว่ามียางปี 2018 อยู่บ้าง และมียางปลายปี 2017 อยู่ชุดนึง พอถามพี่ช่างว่าจะมีคนมาเปลี่ยนเหรอครับ พี่เขาก็ว่ายางพวกนี้เหมาะกับรถที่จอดอยู่บ้านนานๆ แทบไม่ได้ขับ เพราะเปลี่ยนแล้วก็ไม่เปลืองมาก ราคาถูกกว่ายางปีปัจจุบัน แบบซื้อ 1 แถม 1 หรือซื้อ 3 แถมหนึ่งแล้วแต่อายุยาง เพียงแค่ยางพวกนี้ไม่มีรับประกันให้ด้วยเท่านั้นเอง ซึ่งโปรโมชั่นแบบนี้ ถ้าสนใจต้องสอบถามศูนย์บีควิกที่เข้าใช้บริการกันดูนะครับ เพราะแต่ละสาขามีสต๊อกยางเก่าไม่เหมือนกัน

ระหว่างเปลี่ยนยางใช้เวลาไม่นาน ประมาณชั่วโมงนึงก็เสร็จเรียบร้อย พี่ช่างเปลี่ยนตัวล้ออะไหล่ให้ด้วย บริการดีจริงครับ

ทีนี้ถึงเวลาจ่ายเงิน พวกบัตรเครดิตก็มีผ่อนจ่ายให้เลือกตามชอบ ส่วนโปรแถมที่ได้เพิ่มมาวันนั้นก็คือเป็นลูกค้า AIS ผมเลยได้ลดค่าตั้งศูนย์อีก 50% จากราคา 450 เหลือแค่ 225 บาท ทำให้รู้สึกคุ้มค่าเข้าไปอีก

ตอนนี้เพิ่งเปลี่ยนยางรถใหม่มาได้ 7 วัน ยางนุ่มมากๆ จนอยากจะลองขับไปต่างจังหวัดไกลๆ สักรอบ น้ำมันก็ราคาลงจนไม่นึกไม่ฝันว่าจะเห็นวันที่ราคากลับไปสมัยยังวัยรุ่นได้อีกครั้ง เสียดายว่าช่วงนี้ต้องทำงานที่บ้าน และยังต้องระวังติดไวรัสโคโรน่าอีก เลยคงยังไม่ได้จัดทริปไปไหนเร็วๆ นี้

เท่าที่ลองใช้งานตอนนี้ Pirelli ก็ทำได้ดีเลยครับ เงียบ นุ่ม เกาะถนนดี ซึ่งก็เป็นปกติของยางใหม่ล่ะครับ ถ้าจะวัดกันอีกทีคงต้องขับไปสักหลายๆ เดือนหน่อย หรือได้ทริปขับยาวๆ สักรอบที่รู้แน่ว่ายางแบรนด์อิตาลี Pirelli จะทำคะแนนได้ดีขนาดไหน สำหรับตอนนี้คงใช้รถแค่ขับออกไปซื้อของเข้าบ้านเป็นหลักก่อน ถึงเวลาที่เราปลอดภัยจากโควิด-19 กันแล้ว ผมจะกลับมารีวิวยางแมงป่องของ Pirelli ให้อ่านกันครับ

ผมใช้ ดอก P7 ผมถูกใจดอกนี้

เดี๋ยวไว้ตามรอยนะครับ ขอบคุณครับ

ผมใช้ Pirelli P Zero ตัวที่ Pirelli ทำให้ Volvo XC60 T8 ในล้อ Accessories 22

นิ้ว(มีอักษร VOL) ยาง P Zero ที่ผมใช้ขนาด 265/35 R22 เป็นยางที่สุดยอดมากๆ

เกาะหนึบทั้งถนนแห้ง และถนนเปียก ยิ่งใช้ความเร็วสูงยิ่งมั่นใจ

เกาะถนนมากๆ...ยิ่งรุ่นที่ผมใช้มีเทคโนโลยี่ PNCS

เงียบประทับใจดีทีเดียวครับ...สำหรับผม ครบเครื่อง ทั้งเกาะหนึบ นุ่ม

เงียบ.....ประทับใจที่สุด ไม่เคยคิดจะเปลี่ยนยี่ห้อ จากใจคนรัก Pirelli ครับ....

คันเดิมผม รุ่น Scorpion Zero 255/45 R20 ก็ว่าประทับใจแล้ว....มาคันใหม่ P Zero

อันนี้ รักเลยครับ

ผมใช้อยู่ครับ ใช้ดีมาก เหมาะกับทุกสภาพอากาศ ลุยได้ทุกสถานการ์ณ ทุกโค้ง เอาอยู่มั่นใจ

ใช้ ทั้ง P1 P7 มันเยี่ยมมากกกก