ฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์ เลือกอย่างไร? รถไม่ร้อน แดดส่องไม่ถึง

ผู้เขียนข้อความ

smanpruksa

member
เขียนกระทู้: 82
ตอบกระทู้: 0
พลังน้ำใจ: 0 (ขอบคุณ)
25 มิถุนายน 2563 15:43 - อ่าน: 915 - ตอบ: 0

คงไม่ใช่เป็นเพียงเสียงบ่นจากกระแสสังคมให้ได้ยินกันบ่อย ๆ ว่าโลกเราทุกวันนี้ร้อนขึ้นจากปีก่อนอย่างเห็นได้ชัด อุณหภูมิที่สูงขึ้นกับแดดที่แรงขึ้นทำให้คุณภาพชีวิตของผู้คนเปลี่ยนแปลงไป แม้ทางแก้สุดท้ายจะหนีไม่พ้นการช่วยกันดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอันเป็นสาเหตุสำคัญของการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลก แต่ในวันที่ปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข เราจะมีวิธีป้องกันแดดและความร้อนอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมเมืองที่หลายคนต้องจอดรถตากแดดเป็นเวลานานจนอาจทำให้อุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในตัวรถได้รับความเสียหาย (อ่าน สิ่งควรระวังเมื่อจอดรถกลางแดดหน้าร้อน) มีวิธีเลือกฟิล์มกรองแสงสำหรับรถยนต์มาฝากกันค่ะ

มาทำความรู้จัก ประเภทของฟิล์มกรองแสง

ฟิล์มกรองแสงที่ผลิตในบ้านเราสามารถแบ่งออกเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้ 2 ประเภท คือ 

1. ฟิล์มกรองแสงแบบธรรมดาย้อมสี 

เป็นฟิล์มกรองแสงแบบธรรมดาที่มีคุณสมบัติทำให้แสงผ่านเข้ามาในรถยนต์อ่อนลงหรือลดความเข้มข้นของแสง โดยที่ไม่มีส่วนผสมของสารป้องกันรังสีต่าง ๆ จากแสงแดด ทำให้ไม่มีคุณสมบัติที่จะลดความร้อนหรือรังสีต่าง ๆ ที่มีอันตราย เนื้อฟิล์มจะเปลี่ยนสภาพหรือเสื่อมเป็นสีม่วงได้อย่างรวดเร็ว และมีอายุการใช้งานที่สั้น โดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 3-5 ปี ข้อดีคือมีราคาถูก

2. ฟิล์มกรองแสงแบบช่วยลดความร้อน

เป็นฟิล์มที่มีส่วนผสมของสารป้องกันรังสีต่าง ๆ จากแสงแดด ด้วยคุณสมบัติพิเศษคือ เนื้อฟิล์มจะถูกเคลือบด้วยโลหะพิเศษ สามารถป้องกันรังสีที่เป็นอาจเป็นอันตรายต่อตัวรถและผู้โดยสารได้ สามารถกันความร้อนได้เป็นอย่างดี โดยปัจจุบันสามารถแบ่งออกได้อีกหลายประเภท ได้แก่

  • ฟิล์มเคลือบโลหะ หรือ ฟิล์มปรอท เป็นฟิล์มสำหรับลดความร้อนภายในห้องโดยสารโดยเฉพาะ บางยี่ห้อสามารถกันแดดได้มากถึง 90 % รถยนต์ที่ติดฟิล์มปรอท หากมองตอนกลางวันจากภายนอกเข้าไปที่รถยนต์ จะพบว่า สีของกระจกจะมีลักษณะคล้ายสายรุ้ง แต่ไม่สามารถมองเข้าไปในตัวห้องโดยสารได้เลย 
  • พิล์มนิรภัย เป็นฟิล์มที่สามารถป้องกันการแตกร้าวของกระจกได้ มีทั้งแบบกันความร้อนและไม่กันความร้อน ความหนาจะอยู่ที่ 4 ม.ม. ขึ้นไป จะได้รับความนิยมเป็นอย่างมากกับการใช้ในอาคารหรือตึกที่มีความสูง แต่ปัจจุบันนำมาใช้ประกอบกับหน้าจอมือถือและกระจกหน้ารถยนต์เพิ่มมากขึ้น
  • ฟิล์มอินฟราเรด เป็นฟิล์มแบบพิเศษที่มีความสามารถในการตัดรังสีอินฟราเรด ทำให้มีคุณสมบัติหลักในการช่วยป้องกันความร้อนได้อย่างดีเยี่ยม แต่ก็มีราคาสูงขึ้นตามไปด้วย
  • ฟิล์มใสประเภทนาโน เป็นฟิล์มแบบใหม่ มีลักษณะใส แต่ช่วยลดความร้อนในห้องโดยสารได้เป็นอย่างดี สามารถให้แสงส่องผ่านได้มากถึง 60 % หรืออาจมากกว่านี้ ไม่มีเงาสะท้อน แต่ก็มีราคาแพง 
  • ฟิล์มเซรามิค เป็นฟิล์มที่กำลังได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน ใช้อนุภาคนาโนเคลือบลงบนแผ่นฟิล์มแทนการย้อมสีหรือการฉาบด้วยโลหะ ทำให้ได้ฟิล์มที่มีคุณสมบัติเด่นในเรื่องการป้องกันรังสี UV และความร้อน เนื้อฟิล์มคมชัด ไม่สะท้อนแสง ทำให้ทัศนะวิสัยในการขับขี่ดีกว่าฟิล์มทั่ว ๆ ไปทั้งกลางวันและกลางคืน ที่สำคัญมองจากภายนอกจะมีสีดำสนิทเพิ่มความเป็นส่วนตัว แต่เมื่อเข้ามานั่งภายในจะสว่างใส และไม่รบกวนสัญญาณอิเล็กทรอนิกส์ใด ๆ

ฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์ เลือกอย่างไร

ในการเลือกฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์นั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้รถและงบประมาณของแต่ละคนเป็นสำคัญ แต่ก็ยังต้องคำนึงถึงองค์ประกอบอื่น ๆ ด้วย ดังนี้

  1. ได้มาตรฐานการผลิต เป็นแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือ หรือได้รับความนิยมในตลาด อาจหาข้อมูลจากการรีวิวข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต หรือสอบถามความคิดเห็นจากผู้ใช้งานจริงที่เป็นผู้ใกล้ชิด
  2.  ตรงกับความต้องการของผู้ใช้รถ ฟิล์มกรองแสงที่ดีไม่ใช่ฟิล์มที่ช่วยลดแสงจ้าได้เพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีความสามารถในการสะท้อนแสงอาทิตย์ได้ และต้องคำนึงถึงความจำเป็นของคนขับว่า ใช้รถยนต์บ่อยแค่ไหน และขับเวลาไหนเป็นประจำ กลางวันหรือกลางคืน ซึ่งผู้ขับขี่แต่ละคนก็จะชอบฟิล์มเปอร์เซ็นต์สูง ต่ำไม่เท่ากัน
  3. ประเภทและสีของรถยนต์ เนื่องจากฟิล์มมีหลายสีหลายประเภทให้เลือก จึงควรต้องเลือกฟิล์มให้เหมาะกับสีของรถยนต์ เพื่อให้รถยนต์ดูสวยน่ามอง ไม่ดูโดดจากสายตามากเกินไป
  4. งบประมาณ ควรเลือกติดฟิล์มให้เหมาะสมตามงบประมาณที่มี อาจยอมลดความต้องการบางอย่างลงเพื่อให้ได้คุณสมบัติของฟิล์มที่จำเป็นที่สุด หรืออาจเลือกยี่ห้อที่ไม่ใช่แบรนด์ดังในตลาด อาจทำให้ได้ฟิล์มที่คุณภาพเท่ากัน แต่จ่ายในราคาที่ถูกลง
  5. ช่างที่มีความชำนาญ ก่อนติดฟิล์มกรองแสงรถยนต์ ให้ตรวจสอบให้ดีว่า ร้านที่จะเลือกเข้ารับบริการ เคยติดฟิล์มประเภทที่เราต้องการมาก่อนหรือไม่ เพราะช่างบางคนก็ถนัดติดฟิล์มเฉพาะบางยี่ห้อเท่านั้น

เมื่อไรควรถึงเวลาเปลี่ยน ฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์

โดยทั่วไปแล้ว ฟิล์มกรองแสงติดรถยนต์จะมีอายุการใช้งานประมาณ 5 ปี หากใช้ไปนาน ๆ สมรรถภาพในการป้องกันรังสียูวีจะลดลงตามอายุการใช้งาน สังเกตได้จากลักษณะของฟิล์มดังต่อไปนี้

  1. สีของฟิล์มซีดจากลง
  2. อุณหภูมิภายในรถยนต์ร้อนขึ้น ทั้งที่เปิดแอร์เท่าเดิม 
  3. มีฟองอากาศแทรกอยู่ระหว่างชั้นฟิล์มและกระจก เป็นจุด ๆ
  4. เกิดรอยยับย่นบนเนื้อฟิล์ม 

หากพบอาการเหล่านี้ควรนำรถยนต์ไปเปลี่ยนฟิล์มกรองแสงทันทีเพื่อความปลอดภัยและวิสัยทัศน์ในการขับขี่ ที่สำคัญอย่าลืมเช็กระยะประกันของฟิล์มที่ได้ติดมาก่อนหน้านี้ด้วย หากยังอยู่ในประกันควรแจ้งไปยังร้านที่ได้ทำการติดตั้งให้เพื่อเปลี่ยนทันที

ขอบคุณข้อมูลจาก สินมั่นคงประกันภัย ...ประกันรถ ประกันเวลา...

กระทู้อื่นๆที่เกี่ยวข้อง


ตอบกระทู้ด่วน

กรุณาล็อคอินก่อนทำการตอบกระทู้นี้
สมัครสมาชิก หรือ ล็อคอิน