ผู้เขียน | ข้อความ | ||
---|---|---|---|
smanpruksa
เขียนกระทู้: 82
ตอบกระทู้: 0
พลังน้ำใจ: 0
(ขอบคุณ)
|
ช่วงปลายปีเป็นช่วงฤดูหนาว สภาพอากาศหลายพื้นที่มีอุณหภูมิลดลง อากาศที่เปลี่ยนแปลงจะส่งผลต่อรถยนต์ เมื่ออากาศเย็นระบบการทำงานต่างๆจะทำงานไม่เต็มที่ โดยเฉพาะหากอยู่ในบริเวณที่สูงทางภาคเหนือที่มีอุณหภูมิต่ำ เช่น บนภูเขา บนดอย มีข้อมูลและคำแนะนำ การดูแลรถในฤดูหนาวมาแนะนำกันดังนี้ 1. ความชื้น สิ่งที่ต้องรับมือกับอากาศเย็น อันดับแรกคือความชื้นที่มากับความเย็น ควรใช้น้ำมัน Sonax ไล่ความชื้น ที่มีขายตามร้านเครื่องมือช่าง พ่นในห้องเครื่องบริเวณขั้วไฟหรือ สายไฟให้ทั่ว เพื่อป้องกันความชื้น และหนูจะเข้าไปกัดสายไฟได้ เนื่องจากห้องเครื่องยนต์มีอุณหภูมิที่อุ่นสบายกว่าภายนอก การพ่นน้ำมัน Sonax จะช่วยไล่หนูได้ เพราะหนูจะไม่ชอบกลิ่น เหม็นของน้ำมัน Sonax
2. ควรเปิดสวิตซ์กุญแจให้นานหน่อย ตอนเช้าในฤดูหนาวที่อากาศหนาวจัดต่ำกว่า 5 องศาลงไปควรเปิดสวิตซ์กุญแจหัวเผาให้นานหน่อยก่อนจะสตาร์ทเครื่องยนต์ ควรจะเหยียบคลัทช์ช่วยในการสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยเมื่อเครื่องยนต์ติดแล้วควรปล่อยให้เครื่องยนต์เดินเครื่องไว้ประมาณ 15 นาทีเป็นอย่างน้อย (ให้เครื่องร้อน) เนื่องจากอากาศหนาวจัดทำให้น้ำมันเครื่องเกิดอุดตันได้
3. แบตเตอรี่ ในสภาพอากาศที่เย็นมากๆ จะลดความสามารถในการสตาร์ทขณะเครื่องเย็นของแบตเตอรี่ ควรตรวจสอบแบตเตอรี่และเปลี่ยนเมื่อกำลังไฟในการสตาร์ท พร้อมตรวจเช็คขั้วแบตเตอรี่ว่าหลวมหรือมีขี้เกลือหรือเปล่า
4. อุ่นเครื่อง พอสตาร์ทเครื่องติดแล้ว ไม่ควรเร่งเครื่องแรงๆ ให้ค่อยๆ เร่งเพื่อเป็นการวอร์มแบตเตอรี่ สัก 15 นาทีเป็นอย่างน้อย เนื่องจากเวลาอากาศเย็น น้ำมันหล่อลื่นจะจับตัวกัน มีความหนืด ทำให้การขับเคลื่อนของเครื่องยนต์ช้าลง สตาร์ทเครื่องติดแล้วควรปล่อยทิ้งไว้ (อุ่นเครื่อง) สักพัก เพื่อให้น้ำมันเครื่องได้ไหลเวียนกระจายไปหล่อลื่นชิ้นส่วนต่างๆได้ทั่วถึง จากนั้นก็ออกรถได้แล้ว เพื่อให้ตอนออกรถ น้ำมันเครื่องไม่หนืดจนเกินไป
5. ที่ปัดน้ำฝนกระจกหน้า ตรวจเช็คใบปัดน้ำฝน อุณหภูมิที่เย็นลงอาจทำให้ใบปัดน้ำฝนมีสภาพแข็งเปราะ บวกกับพวกสิ่งสกปรกทำให้เวลามีหมอก ทำให้การปัดไล่ความเย็นที่ติดกระจกลดลงควรเปลี่ยนใหม่หรือใช้น้ำอุ่นเช็ดให้สะอาด 5. ยางรถยนต์ อุณหภูมิที่เย็นอาจทำให้ความดันลมยางลดลง ดังนั้นต้องมั่นใจว่ายางมีการเติมลมอย่างเหมาะสม ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น และช่วยยืดอายุการใช้งานของยางได้ และอย่าลืมตรวจเช็คการสึกหรอของดอกยางด้วย
6. สายพานและท่อ อุณหภูมิที่เย็นจัดอาจส่งผลให้สายพานฉีกขาดหรือแตกใช้งานไม่ได้ ในช่วงของการเปลี่ยนฤดูจึงควรมีการตรวจสอบและเปลี่ยนสายพานหากจำเป็น
7. ระบบไล่ฝ้า ฝ้าที่กระจกรถด้านนอก เกิดจากอุณหภูมิภายนอกสูงกว่าภายใน และฝ้าที่กระจกด้านในเกิดจากอุณหภูมิภายในรถสูงกว่าภายนอก สำหรับการตรวจเช็คระบบไล่ฝ้าก็ทำด้วยการทดลองเปิดใช้งานระบบทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ตรวจดูว่าระบบทำงานปกติหรือไม่ ถ้ามีจุดใดเสียก็ให้รีบซ่อมแซมเสียแต่เนิ่นๆ เพื่อความปลอดภัย
8. ระบบเบรก ก่อนขับรถทุกครั้งการตรวจเช็คผ้าเบรกกับน้ำมันเบรกคือสิ่งที่สำคัญอย่างมาก เริ่มด้วยการดูผ้าเบรกว่าเหลือมากน้อยขนาดไหน ต่อมาคือการดูจานเบรกว่าสึกลึกลงไปเท่าใดแล้ว รวมถึงสังเกตลักษณะของจานเบรกว่ามีความคดหรือไม่ สิ่งสุดท้ายคือดูน้ำมันเบรกว่าเหลือเท่าไหร่ถ้าน้อยก็ให้เติมลงไป และหากเป็นไปได้ก็ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกปีละครั้งเพื่อเป็นการไล่ความชื้น และทำให้การเบรกมีประสิทธิภาพสูงสุดตลอดเวลา
9. สัญญาณไฟ ระบบไฟทั้ง ไฟเลี้ยว ไฟเบรก และไฟตัดหมอก เพราะในช่วงฤดูหนาวที่อาจมีหมอกลงจัดในบางช่วงทัศนวิสัยการมองเห็นจะลดน้อยลงอย่างมาก ซึ่งถ้าไฟต่างๆ ที่กล่าวมาเกิดชำรุดใช้งานไม่ได้ นั่นอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงขึ้นอย่างไม่คาดคิด ดังนั้นผู้ขับขี่จึงควรตรวจสอบและเปลี่ยนหลอดไฟให้สว่างและใช้งานได้ตามปกติอยู่เสมอ
การใช้รถในการเดินทางไม่ว่าจะสภาพอากาศแบบไหน ไม่ควรประมาทและระมัดระวังทุกครั้ง เพิ่มความคุ้มครองรถจากทุกภัย ด้วยประกันรถยนต์ https://www.smk.co.th/premotor.aspx กระทู้อื่นๆที่เกี่ยวข้อง
|
||