ผู้เขียน | ข้อความ | ||
---|---|---|---|
mushroom
เขียนกระทู้: 5
ตอบกระทู้: 0
พลังน้ำใจ: 0
(ขอบคุณ)
|
ปัจจุบันประกันภัยรถยนต์มีให้เลือกมากมาย ดังนั้นจึงเป็นประโยชน์สำหรับผู้ใช้รถอย่างเราๆ ท่านๆ แน่นอน แต่จะมีวิธีเลือกประกันภัยรถยนต์แบบไหนให้โดนใจบ้าง มาดูกันเลย 1. เลือกตามประเภทของประกันภัยรถยนต์ ประกัน รถยนต์ ชั้น1 การทำประกันประเภทนี้ จะคุ้มครองครบถ้วนที่สุดโดยจะให้ความคุ้มครองทั้งค่าเสียหายต่อรถยนต์คันที่เอาประกันและคันที่เป็นคู่กรณี อีกทั้งยังมีค่าเสียหายของทรัพย์สินทั้งในรถยนต์คันเอาประกันและคันคู่กรณีอีกด้วย แถมยังเหมารวมค่ารักษาพยาบาลและค่ายาสำหรับผู้ขับขี่ผู้โดยสารรถยนต์คันเอาประกันและรถยนต์คันคู่กรณีอีก ยังไม่หมด เพราะยังจะให้ค่าชดเชยตามความเสียหายกรณีรถยนต์คันเอาประกันเสียหายจากเหตุไฟไหม้จากอุบัติเหตุ เหตุน้ำท่วมและการโจรกรรม ดังนั้นประกัน รถยนต์ ชั้น 1 จึงเหมาะมากสำหรับรถใหม่ป้ายแดงที่พึ่งออกใหม่ๆ หรือรถยนต์ที่มีผู้ขับขี่มือใหม่ยังไม่ค่อยคล่องในการขับรถยนต์ นอกจากนี้ยังเหมาะกับรถยนต์ที่ใช้งานเป็นประจำหรือใช้งานหนักอีกด้วย ประกันชั้น 2 ประกันภัยรถยนต์ประเภทนี้ให้ความคุ้มครองที่รองลงมาจากประกันชั้น1 โดยเน้นให้ความคุ้มครองในค่าเสียหายของรถยนต์คันที่เอาประกันและคันคู่กรณี ค่าเสียหายทรัพย์สินทั้งในรถยนต์คันเอาประกันและคู่กรณี ค่ารักษาพยาบาลและค่ายาของผู้ขับขี่พร้อมผู้โดยสารคันเอาประกันและคู่กรณี อีกทั้งให้ค่าชดเชยความเสียหายหากรถคันเอาประกันเกิดไฟไหม้และโดนโจรกรรม ดังนั้นประกันภัยรถยนต์ประเภทนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ใช้รถยนต์ไม่ค่อยบ่อยมาก หรือมีประสบการณ์ขับรถมามาก ขับรถปลอดภัย ไม่รวดเร็ว ประกันชั้น2+ ประกันประเภทนี้ให้ความคุ้มครองกรณีรถยนต์เกิดการสูญหาย ไฟไหม้ และคุ้มครองรถยนต์คันเอาประกันกรณีเกิดอุบัติเหตุกับยานพาหนะทางบก โดยจะได้ค่ารักษาพยาบาลทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารในรถยนต์คันคู่กรณี ด้วยเหตุนี้จึงเหมาะสำหรับรถที่ต้องจอดในพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการโจรกรรมรถยนต์ หรือคนที่ไม่มีที่จอดรถแบบรั้วรอบขอบชิด ประกันชั้น3+ ประกันชั้น 3+จะให้ความคุ้มครองกับทรัพย์สินของคู่กรณีและความเสียหายของตัวรถที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุกับยานพาหนะทางบก ซึ่งแบบนี้จะไม่คุ้มครองรถหายหรือไฟไหม้และไม่คุ้มครองความเสียหายทั่วๆไปที่ไม่ทราบสาเหตุหรือไม่มีคู่กรณี ดังนั้นประกันประกันชั้น 3+จึงเหมาะสำหรับรถเก่าๆที่ใช้งานมานานเกิน 7 ปีขึ้นไป สามารถจอดรถยนต์ในที่ๆไม่มีความเสี่ยงเรื่องการลักขโมยรถ ประกันชั้น3 ให้ความคุ้มครองรถยนต์คันคู่กรณี ทั้ง ค่าเสียหายของทรัพย์สินในรถยนต์ ค่ารักษาพยาบาลและค่ายาสำหรับผู้ขับขี่ผู้โดยสาร โดยจะไม่ให้ค่าชดเชยความเสียหายรถยนต์คันเอาประกันภัย จึงเหมาะสำหรับรถยนต์ที่ไม่ได้นำออกมาใช้งานบ่อย หรือรถเก่าอายุ7 ปีขึ้นไปที่จอดในที่ไม่เสี่ยงต่อการสูญหาย 2. เลือกตามจำนวนเงินเอาประกันภัยรถยนต์ จำนวนเงินเอาประกันภัยรถยนต์ในที่นี้หมายถึง จำนวนเงินสูงสุดที่บริษัทประกันจะจ่ายให้กับเราตามความคุ้มครองด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ความเสียหายต่อตัวรถอาจกำหนดจำนวนเงินไว้ไม่เกิน 600,000 บาทต่อครั้ง หรือความเสียหายต่อชีวิตร่างกายและทรัพย์สินของบุคคล อาจกำหนดจำนวนเงินไม่เกิน 5,000,000 บาทต่อครั้ง เป็นต้น 3. เลือกตามเบี้ยประกันภัยรถยนต์ เบี้ยประกันภัยรถยนต์ก็คือ เงินที่เราจ่ายให้บริษัทประกันเพื่อแลกกับความคุ้มครองที่จะได้รับในทุกๆปี ซึ่งจำนวนเบี้ยจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับประเภทของประกันภัย ความคุ้มครองและทุนประกันของตัวรถที่ได้เลือกไว้ 4. เลือกตามบริษัทประกันภัยรถยนต์ สำหรับข้อนี้เราอาจมองกันที่ ความมั่นคงทางการเงินของบริษัทประกันภัย เครือข่ายของอู่ซ่อมรถที่จัดไว้บริการ ความยากง่ายในการร้องเรียน หรือนายหน้ามีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวประกันภัยมากน้อยแค่ไหน เป็นต้น 5. เลือกตามการระบุผู้ขับขี่ สำหรับข้อนี้หากรถของเรามีการระบุผู้ขับขี่แน่นอนไม่เกิน2 คน ก็จะทำให้สามารถจ่ายเบี้ยได้ถูกลง แต่อย่างไรก็ตามในกรณีเกิดอุบัติเหตุโดยผู้ขับขี่ที่ไม่ได้ระบุชื่อไว้ ก็ยังให้ความคุ้มครอง เพียงแต่ว่าผู้เอาประกันภัยจะต้องรับผิดชอบความเสียหายบางส่วนเอง หากตรงใจแบบไหนก็เลือกได้เลย แล้วคุณจะได้ประกันรถยนต์ที่เหมาะสม พร้อมกับใช้งานได้อย่างคุ้มค่าที่สุด รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน แก้ไขล่าสุดโดย mushroom เมื่อ 17 มกราคม 2560 - 12:01
กระทู้อื่นๆที่เกี่ยวข้อง
|
||