ประกันชั้น1 ดีกว่าประกันแบบ 2+ ยังไง?

หลายๆคนคิดว่า เอ้ะ ประกันชั้น1 มันดีกว่าประกันชั้น 2 แค่ที่มันมีเพิ่มการคุ้มครองในเรื่องค่าเสียหายของรถยนต์คันเอาประกันแค่นั้นเอง แล้วประกันแบบ 2+ มันก็คุ้มครองค่าเสียหายรถยนต์คันเอาประกันเหมือนกัน ทำไมไม่เลือกทำ 2+ จะทำประกันชั้น1 ที่มันแพงกว่าทำไม เมื่อไหร่ที่เราคิดแบบนี้ แปลว่าเราโดนบริษัทประกันภัยเป่าหูเรียบร้อยแล้วครับ เงื่อนไขในการคุ้มครองของสองแบบนี้ต่างกัน เราอาจจะทำความเข้าใจแบบง่ายๆว่ามันคล้ายๆกันมันก็เหมือนกัน แต่หลายๆครั้งรายละเอียดปลีกย่อยพวกนี้แหล่ะ ที่จะทำให้บริษัทประกันภัยไม่จ่ายค่าเสียหายให้เรา แต่ตอนที่เขาขายเรา เขาไม่ยอมบอกเราให้มันฟังง่ายๆ ชอบใช้ภาษาไทยที่ต้องแปลไทยอีกรอบ ก็เลยจะมาอธิบายให้ฟังว่ามันต่างกันยังไง หรือถ้าคนไหนขยันหน่อยก็แนะนำให้นั่งศึกษากรมธรรม์ด้วยตัวเองเลยก็ดีครับ

“คุ้มครองค่าเสียหายรถยนต์คันเอาประกัน” คือหนึ่งในเงื่อนไขของประกันภัยประเภท 1 หรือ ประกันชั้น1 นั่นแหล่ะ จะคุ้มครองค่าเสียหายรถยนต์ของเราเมื่อประสบอุบัติเหตุ ไม่ว่าเราจะชนกับเสาไฟฟ้า ชนกับรถคนอื่น โดนรถไฟชน มีเครื่องบินตกใส่ไฟหน้า ประกันภัยจ่ายหมดครับ(ภายในวงเงินคุ้มครองนะ) ทรัพย์สินในรถไม่เกี่ยว ค่ารักษาพยาบาลเป็นเงื่อนไขที่แยกกันออกไป

 เงื่อนไขตัวนี้พูดถึงความเสียหายของตัวรถยนต์เท่านั้น *เงื่อนไขนี้ไม่เหมือนกับประเภท + นะครับ บอกไว้ก่อนเลย*

ส่วนประกันภัยรถยนต์ประเภท 2+ และ 3+ เจ้าพวก + ทั้งหลายจะมีเงื่อนไขเพิ่มเติมตอนโฆษณาแบบนี้ “คุ้มครองค่าเสียหายรถยนต์คันเอาประกันเมื่อประสบอุบัติเหตุกับยานพาหนะทางบก” อาจจะคล้ายๆกับประกันชั้น1 แต่เงื่อนไขคุ้มครองนี้จะจ่ายค่าเสียหายของรถของเราเมื่อเราชนกับรถคนอื่นเท่านั้น ถ้าเทียบกับตัวอย่างของประกันชั้น1แล้ว จะมีความแตกต่างกัน ถ้าเราชนเสาไฟฟ้าประกันไม่จ่าย ถ้าเครื่องบินตกใส่ประกันไม่จ่าย จะจ่ายเมื่อเราชนกับรถคนอื่นหรือโดนรถไฟชนเป็นต้น ดังนั้นอย่าเข้าใจผิดนะครับ มันไม่เหมือนกัน หลายๆคนคิดว่าเพราะมันคุ้มครองรถยนต์ของเราด้วยเลยทำให้มันเหมือนกัน จริงๆแล้วมันต่างกันนิดนึง แต่พวกเงื่อนไขนิดนึงพวกนี้แหล่ะครับ ที่จะทำให้เราเคลมประกันไม่สำเร็จ

ประกันชั้น1 เองก็ไม่ได้หมายความว่ามันคุ้มครองทุกกรณีครอบจักรวาล มันแค่คุ้มครองมากกรณีที่สุดเมื่อเทียบกับตัวอื่นๆ ประเด็นสำคัญก็คือทุกทุกข้อเสนอที่บริษัทประกันภัยมอบให้กับเรานั้น จะชอบมีเงื่อนไขที่เค้าจะไม่จ่ายค่าสินไหมให้กับเราแน่นอน อย่าให้ความขี้เกียจศึกษากรมธรรม์มาทำให้เราเข้าใจผิดได้ ขอแค่เราศึกษาข้อมูลให้ดี ไม่เข้าใจอะไรก็ให้ถาม เราก็จะรู้ว่าแต่ละตัวมันแตกต่างยังไง ข้อดีข้อเสียอย่างไร ถึงแม้ว่าเราอาจจะไม่เคยโดนรถไฟชนหรือเครื่องบินตกใส่ ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเกิดขึ้นไม่ได้ และก็ไม่ได้หมายความตรงตัวขนาดนั้นคุณอาจจะโดนเฮลิคอปเตอร์ตกใส่ก็ได้(ฮา) เพราะเราไม่รู้นี่แหล่ะว่ามันจะเกิดขึ้นรึปล่าว ทำให้เราต้องทำประกันไว้ไงครับ